บุตรที่ถูกมารดาทอดทิ้งหลังคลอด
มีเหตุการณ์ที่บุตรถูกมารดาทอดทิ้งหลังคลอด เกิดขึ้นเป็นข่าวให้ได้รับทราบกันเป็นครั้งคราว ทารกที่ถูกทิ้งบางรายก็เสียชีวิต บางรายก็รอดชีวิต นี่คงเป็นกรรมของเด็กที่เกิดมา ขอเรียนถามเพิ่มเติม ดังนี้
1. บิดามารดาที่ละทิ้งบุตร จะได้รับผลที่กระทำหรือไม่
2. ในยุคพุทธกาล ก็มีบุตรถูกทิ้งเช่นกัน เช่น ท่านหมอชีวกโกมารภัจ อยากทราบประวัติของท่าน พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงเหตุที่ท่านได้รับผลของกรรมนี้หรือไม่ ท่านเป็นแพทย์ประจำพระองค์และได้บรรลุธรรมใช่ไหมครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
1. บิดามารดาที่ละทิ้งบุตร จะได้รับผลที่กระทำหรือไม่
บาปกรรมที่จะให้ผล ต้องสำเร็จครบองค์กรรมบถ มีการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ ดื่มสุรา เป็นต้น ซึ่งการที่ บิดา มารดา ละทิ้งบุตร ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่สมควร แต่ไม่ถึงกับที่จะต้องให้ผลของกรรมที่ทำให้เกิดนรก แต่ให้ผลในปวัตติกาล มีการถูกทิ้ง เป็นต้น ครับ
ดูก่อนคฤหบดีบุตร มารดาบิดา ผู้เป็นทิศเบื้องหน้า อันบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕ เหล่านี้แล้วย่อมอนุเคราะห์บุตรด้วยสถาน ๕ คือ ห้ามจากความชั่ว ๑ ให้ตั้งอยู่ในความดี ๑ ให้ศึกษาศิลปวิทยา ๑ หาภรรยาที่สมควรให้ ๑ มอบทรัพย์ให้ในสมัย ๑.
2. ในยุคพุทธกาล ก็มีบุตรถูกทิ้งเช่นกัน เช่น ท่านหมอชีวกโกมารภัจ อยากทราบประวัติของท่าน พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงเหตุที่ท่านได้รับผลของกรรมนี้หรือไม่ ท่านเป็นแพทย์ประจำพระองค์และได้บรรลุธรรมใช่ไหมครับ
ท่านหมอชีวกโกมารภัจ เป็นอุบาสกผู้เลิศ ในด้านเลื่อมใสพระพุทธเจ้า ซึ่งประวัติท่านโดยย่อ คือ ท่านเกิดในครรภ์ของสตรีผู้หาเลี้ยงชีพโดยรูป ธรรมดา หญิงหาเลี้ยงชีพโดยรูป หากได้บุตรเป็นชาย ย่อมทิ้งเสีย นางสาลวดี จึงทิ้งท่านเสีย พระเจ้าอภัยราชกุมาร เห็นเข้าจึงเก็บมาเลี้ยง และท่านก็เติบโต อายุได้ 16 ปี ก็ไปเรียนศิลปะแพทย์ที่กรุงตักศิลา ได้ลาภสักการะจากพระเจ้าพิมพิสาร ทำให้พระเจ้าจัณฑปัชโชตหายโรค ที่พระองค์รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย ทำการรักษา พระพุทธเจ้า ให้ยาถ่าย และท่านหมอชีวกโกมารภัจก็ได้ฟังธรรม บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันด้วย
นี่คือประวัติโดยย่อของท่านหมอชีวกโกมารภัจ ครับ ซึ่งเท่าที่อ่านพระพุทธเจ้าไม่ได้แสดงผลของกรรมที่ท่านถูกทิ้ง ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
๑. ชีวิต ไม่พ้นไปจากความเกิดขึ้นเป็นไปของสภาพธรรมที่มีจริงๆ แต่ละขณะๆ และแต่ละคนเป็นแต่ละหนึ่ง ไม่เหมือนกันเลย ผู้ที่เป็นมารดาบิดา ก็มีความแตกต่างกันตามการสะสมจริงๆ และก็คงจะมีเป็นส่วนน้อยเท่านั้นที่ละทิ้งลูก เป็นความประพฤติเป็นไปที่ไม่เหมาะควร ซึ่งไม่พ้นไปจากอกุศลจิต ถ้ามีการกระทำอกุศลกรรมอย่างหนึ่งอย่างใด ก็จะเป็นเหตุให้เกิดในอบายภูมิได้ แต่เบื้องต้น ก็พอที่จะเห็นตัวอย่างของความเป็นอกุศล ซึ่งไม่ควรที่จะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะอกุศลเป็นสภาพธรรมที่ไม่ดี ไม่เคยนำประโยชน์สุขมาให้แก่ใครเลยแม้แต่น้อย
๒. บุคคล ผู้ที่สะสมเหตุที่ดีมา แม้ว่าชีวิตในชาตินั้นจะเป็นชีวิตที่ดูเหมือนว่า จะถูกทอดทิ้งจากผู้ที่เป็นมารดาบิดา แต่เพราะสะสมมาดี เห็นถึงสาระสำคัญที่สุดของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีความขยันหมั่นเพียร และไม่ประมาทในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา เพราะสิ่งนี้เท่านั้น ที่จะเป็นที่พึ่งในชีวิตอย่างแท้จริง ก็ย่อมจะได้รับประโยชน์จากการได้เกิดมา อย่างสมบูรณ์เต็มที่ตามกำลังปัญญาของแต่ละท่าน อย่างเช่น หมอชีวก เป็นต้น
เพราะแท้ที่จริงแล้ว แม้ว่าจะไม่ถูกทอดทิ้ง แต่ในที่สุดแล้วทุกคนก็จะต้องละจากโลกนี้ไปด้วยกันทั้งนั้น มารดาบิดา ย่อมทอดทิ้งบุตร บุตรย่อมทอดทิ้ง มารดา บิดา ด้วยความตายที่เกิดขึ้น นั่นก็คือ อย่างไรแล้ว ก็ต้องตายจากกันอยู่ดี ดังนั้น สาระสำคัญที่สุดในชีวิต คือ ความเข้าใจพระธรรม ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...