สัญญาเจตสิก มีการดับไปอย่างไร
สภาพธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่ง เกิดขึ้นและดับไป ได้แก่ จิต เจตสิก รูป เช่น จิตเห็นเมื่อเกิดขึ้นแล้ว จิตเห็นจะต้องดับไป เพราะถ้าจิตเห็นไม่ได้ดับไป ก็ไม่สามารถที่จะได้ยินเสียงได้ อยากเรียนถามว่าหากเป็น "สัญญาเจตสิก" ซึ่งเป็น "ความจำสะสมได้ "จะมีการดับไปอย่างไร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สภาพธรรมที่เป็นสังขารธรรม เป็นสภาพธรรมที่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง คือ เกิดขึ้นแล้วต้องดับไป จิต เจตสิก รูป เมื่อเกิดขึ้นก็ต้องดับไป สัญญาเจตสิกเป็นสภาพธรรมที่เป็นสังขารธรรม ทำหน้าที่จำเท่านั้น ไม่ใช่สภาพธรรมที่นึกขึ้นได้ เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องดับไป เพียงแต่การดับไป ไม่เหลือเลย แต่ขณะที่จำหมายในอารมณ์ ขณะที่เกิดสัญญาก็จำในอารมณ์นั้นสะสมต่อไปในจิต ทำให้เป็นเหตุปัจจัยให้นึกขึ้นได้ คือ เกิดวิตกเจตสิก หรือ สติเจตสิกที่ระลึกขึ้นได้ เพราะอาศัยสัญญาเจตสิกที่เกิดขึ้นและดับไปแล้วจำในอารมณ์นั้น และสะสมในจิตที่ทำให้นึกขึ้นได้จากที่เคยจำไว้นั่นเอง ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรมเป็นจริงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะเป็นอย่าง อื่น สิ่งที่มีจริงทั้งหมดนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงให้สัตว์โลกได้เข้าใจถูกเห็นถูก ตามความเป็นจริง เป็นไปเพื่อละคลายความไม่รู้ อย่างแท้จริง สำหรับสภาพธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยนั้น ไม่มีแม้แต่อย่างเดียวที่เกิดมาแล้ว จะดำรงยั่งยืน เที่ยง ไม่ดับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า สังขารแม้อย่างหนึ่ง ที่เที่ยง ย่อมไม่มี นี้คือ ความเป็นจริงของสภาพธรรม
เมื่อกล่าวถึงนามธรรม คือ จิตและเจตสิก เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป มีขณะที่ สั้นมาก เพียงแค่เกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วก็ดับไปเท่านั้น เมื่อจิตเกิดขึ้นก็ต้องมีเจตสิกธรรมเกิดร่วมด้วยตามควรแก่จิตประเภทนั้น สำหรับสัญญาเจตสิกเป็นสภาพที่จำในอารมณ์ เกิดกับจิตทุกขณะ ดับไปพร้อมกับจิต มีอายุที่สั้นแสนสั้น จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ความเป็นจริงของธรรม เป็นอย่างนี้
การศึกษาธรรม เป็นการศึกษา เพื่อให้เข้าใจถูกเห็นถูก ในลักษณะของสภาพธรรมนั้นๆ ซึ่งต้องเข้าใจถูกว่า เป็นสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ ที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ซึ่งจะขาดการฟังการศึกษาการพิจารณาไตร่ตรองในเหตุในผลของธรรมไม่ได้เลยและที่สำคัญการที่ปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก จะรู้ความจริง ก็ไม่ใช่ไปรู้สิ่งอื่น นอกจากสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏในขณะนี้จนกว่าจะค่อยๆ รู้ความจริงของสิ่งนั้นยิ่งขึ้น ในขณะนี้เป็นธรรมซึ่งสามารถศึกษาให้เข้าใจได้ เพราะมีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน ปัญญาจะเจริญขึ้นก็ต้องจากการสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...