ขอคำปรึกษาหน่อยครับ

 
tirajitto
วันที่  7 ส.ค. 2557
หมายเลข  25237
อ่าน  1,033

คือว่าตอนนี้ผมบวชอยู่ครับตั้งแต่เข้าพรรษา ตอนนี้ผมเบื่อมากๆ เลยครับ

แต่ละวันอยากให้มันหมดไปเร็วๆ ผมเป็นคนอารมณ์ร้อน หงุดหงิดง่าย เถียงพ่อเถียงแม่ ตอนนี้บวชอยู่ก็ยังหงุดหงิด ใจร้อน ผมพยายามจะเย็นแล้วนะครับ แต่มันก็ไม่เย็นสักที ผมบ่นกับพ่อแม่ ยาย บอกว่าอยากลาสิกขาแล้ว แกก็บอกทนหน่อย 3 เดือนเอง ยายก็พูดๆ ผมทนไม่ไหวก็เลยระเบิดลงไปนิดนึง ยิ่งตอนนี้ผมก็ต้องอาบัติสังฆาทิเสสอยู่ด้วย ผมเลยรู้สึกว่าอยากลาสิกขาแล้ว ไม่อยากจะบวชต่อแล้ว บวชต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะได้บุญหรือบาป ชีวิตปกติก็บาปพออยู่แล้ว พอมาบวช ผมกลัวว่าจะบาปคูณร้อยเท่าพันเท่าอะครับ ผมควรทำไงดีครับ บวชต่อไป หรือ ลาสิกขาเลยดีครับ ผมกลัวว่า ยิ่งอยู่ยิ่งบาป พอลาสิกขาออกไป ชีวิตจะฉิบหายวายวอดหมด

ผมควรทำไงดีครับ ขอบคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 7 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การบวชเป็นสิ่งที่ยาก แต่การยินดีในการบวช เป็นสิ่งที่ยากกว่า ซึ่งการบวชไม่ดีย่อมมีโทษกับผู้ที่อยู่ในเพศบรรพชิต เพราะฉะนั้นการอยู่ในเพศคฤหัสถ์ที่ดี ย่อมดีกว่าบรรพชิต ที่ประพฤติไม่สมควร ครับ

ส่วนอาบัติที่ต้องอยู่ก็สามารถปลงได้ตามอาบัตินั้น ส่วนถ้าสึกออกไปแล้วอาบัติก็ไม่ติดตัว และไม่ได้ห้ามความเจริญอะไร ครับ

ผู้ที่เป็นเพศคฤหัส์ก็สามารถบรรลุธรรม เจริญกุศล อันนำพาชีวิตที่ดีได้ ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 7 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบนมัสการพระคุณเจ้าที่เคารพครับ

บุคคลผู้เห็นโทษของการอยู่ครองเรือน ว่า คับแคบ (คับแคบด้วยอกุศล คับแคบด้วยกิเลส) มีแต่จะเป็นเครื่องพอกพูนกิเลส ให้หนาแน่นขึ้น แล้วมีอัธยาศัยน้อมไปที่จะขัดเกลากิเลส ให้ยิ่กว่าเพศคฤหัสถ์ จึงสละทุกสิ่งทุกอย่าง สละทรัพย์สมบัติ สละวงศาคณาญาติ แล้วออกบวชเป็นบรรพชิต ด้วยความจริงใจ ด้วยความตั้งใจที่จะขัดเกลากิเลสจริงๆ ที่สำคัญการบวชไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นเรื่องของอัธยาศัยที่ได้สะสมมาจริงๆ ที่จะมีชีวิตที่ขัดเกลา ยิ่งกว่าเพศคฤหัสถ์ ชีวิตความเป็นอยู่ ย่อมแตกต่างไปจากคฤหัสถ์ที่เคยเป็นอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นขึ้นอยู่กับความเข้าใจเป็นสำคัญ ถ้าบวชไปแล้ว ประพฤติผิดประการต่างๆ ล่วงละเมิดสิกขาบท ที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงบัญญัติไว้ นั่นเป็นอันตรายมาก มีแต่จะคร่าไปสู่อบายภูมิโดยส่วนเดียว ถ้าไม่ได้แก้ไขให้ถูกต้อง ตราบเท่าที่ยังปฏิญาณ ว่าเป็นพระภิกษุอยู่ ในสมัยพุทธกาลพระภิกษุ เมื่อเห็นว่าตนเองไม่สามารถน้อมประพฤติตามพระวินัยได้ ท่านก็ลาสิกขา ไม่อยู่ในเพศบรรพชิตอีกต่อไป ก็เป็นสิ่งที่กระทำได้ และก็ไม่มีอาบัติติดตัวด้วย สามารถเป็นคฤหัสถ์ที่ดี ประกอบอาชีพที่สุจริต ดำรงชีวิตตามควรแก่เพศคฤหัสถ์ และสะสมความดีประการต่างๆ ได้

ดังนั้นถ้าลาสิกขามาแล้ว ก็ควรที่ได้เป็นคฤหัสถ์ผู้ดำรงตน อยู่ในศีลธรรมอันดีงาม ไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการและมีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ถ้าเป็นอย่างนี้ ชีวิตในชาตินี้ ย่อมไม่เปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
tanrat
วันที่ 8 ส.ค. 2557

การที่จะเป็นพระเพราะประเพณีที่ว่าชายไทยควรบวชเพื่อทดแทนคุณพ่อและแม่ หรือให้พ่อแม่ที่ตายไปได้เกาะชายผ้าเหลืองไปสวรรค์ แท้ที่จริงแล้วนี่เขาเรียกว่าการเห็นผิด เข้าใจและจำสิ่งผิดๆ มาตลอดชีวิต การบวชแท้ที่จริงคือผู้ที่ออกบวชเพราะเห็นโทษเห็นภัยในความไม่เที่ยงของวัฎฎสงสาร ไม่ใช่พอคนเขาจะมาจับไปขึ้นศาลก็ออกบวชซะเขาจะได้ไม่มาจับสึก ทำเพราะความไม่ไตร่ตรอง ไม่สงสัยเลยว่ามีผู้ที่เป็นไปต่างๆ นานาเพราะการกระทำของตน นึกถึงคำที่ท่านอาจารย์กล่าวว่าเราสงสารเขาช้าไปนิดทำไมไม่สงสารเขาตอนที่เขาเริ่มจะกระทำ กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
peem
วันที่ 8 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
orawan.c
วันที่ 11 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ