วิริยพละ คือ ความเพียรในการละอกุศลธรรม และเจริญกุศล
ในการละอกุศล ทำไม้ต้องใช้ความเพียรครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
วิริยะ คือ สภาพธรรมที่เพียร ซึ่งต้องเข้าใจถูกครับว่า ไม่มีเรา มีแต่ธรรม และเกิดตามเหตุปัจจัย จึงไม่มีเราที่เพียร มีแต่ธรรมทำหน้าที่เพียร และไม่มีการใช้ความเพียร แต่ความเพียรเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ซึ่งหากไม่มีความเพียร ที่เป็นวิริยเจตสิก ก็ไม่มีสภาพธรรมที่คอยเกื้อหนุน ต่อเนื่องที่จะเพียรระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ก็ไม่บ่อยๆ เนืองๆ เมื่อไม่เพียร คือ เพียรในการรู้ความจริง ก็ย่อมไม่ถึงปัญญาที่คมกล้าได้เลย เพราะฉะนั้นความเพียรที่เป็นสภาพธรรมที่ไม่ใช่เราเพียร จะคอยเกื้อหนุนส่งเสริม เหมือนกองทัพที่มีกองหนุน ส่งเสริมให้ข้าศึกศัตรูได้ การอบรมปัญญา เพื่่อบรรลุธรรมก็เช่นกัน การจะฆ่าหมู่กิเลส ก็ต้องอาศัย กองหนุนส่งเสริมเพียรให้รู้ความจริงด้วยปัญญา ก็จะฆ่าหมู่กิเลส คือ อวิชชาและความเห็นผิด และหมู่กิเลสต่างๆ ได้ในที่สุด ครับ
ความเพียร จึงเป็นสภาพธรรมที่สำคัญ ที่จะทำให้บรรลุธรรมตามที่กล่าวมา แต่จะต้องมีปัญญาความเห็นถูกเป็นสำคัญครับ จึงจะเป็นความเพียรถูก ถึงความเป็นวิริยะพละได้ ซึ่งจะต้องเริ่มจากการฟังให้เข้าใจเป็นเบื้องต้น ขณะนั้นก็มีความเพียรที่เข้าใจในขั้นการฟังอยู่โดยไม่ต้องทำความเพียรเลย ถ้าไม่มีความเพียรเกิดร่วมด้วยก็ไม่มีการฟังเกิดขึ้นได้ และเมื่อปัญญาถึงพร้อมก็รู้ความจริงในขณะนี้ ถึงความเป็นวิริยะพละที่มีกำลังเพียรที่จะรู้ความจริงในสภาพธรรมในขณะนั้น ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีกุศลธรรมและปัญญาเจริญขึ้น ซึ่งถ้าไม่อาศัยพระธรรมคำสอนที่พระองค์ทรงแสดงแล้ว ไม่มีทางที่สัตว์โลกจะมีคุณความดีเจริญขึ้นจนสามารถดับกิเลสได้เลย แล้วจะเข้าใจพระธรรมคำสอนได้อย่างไร อยู่เฉย ๆ หรือ เกียจคร้าน ไม่ขวนขวายที่จะฟังพระธรรม ความเข้าใจถูกเห็นถูกก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ เมื่อไม่มีความเข้าใจถูกแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะดำเนินไปถึงซึ่งการดับกิเลสได้ เพราะฉะนั้นแล้ว ก็จะต้องมีความเพียร มีความอดทน ในการที่จะได้ฟังได้ศึกษาพระธรรม ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ขณะที่ฟังพระธรรม มีศรัทธาเห็นประโยชน์ของพระธรรม ความเพียรก็มีแล้วในขณะนั้นซึ่งเป็นความเพียรที่เป็นไปพร้อมกับการอบรมเจริญปัญญา เมื่อไม่ขาดการฟังพระธรรม ฟังไปเรื่อยๆ ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ก็จะเป็นเหตุให้ปัญญาเจริญขึ้นไปตามลำดับ และในที่สุดเมื่อปัญญาถึงความสมบูรณ์พร้อมก็จะสามารถประจักษ์แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริงดับกิเลสตามลำดับขั้นได้
ดังนั้น จึงสำคัญอยู่ที่่การไม่ขาดการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญาในชีวิตประจำวัน เพื่อเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงและเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง นี่แหละคือสิ่งที่จะเป็นประโยชน์สำหรับชีวิตอย่างแท้จริง ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...