จิตเกิดและดับเร็วสุดประมาณได้ ลัดนิ้วมือเดียวจิตเกิดดับถึงแสนโกฏิขณะ

 
ปัณฑฬะ
วันที่  12 ส.ค. 2557
หมายเลข  25284
อ่าน  5,592

จิตเกิดและดับเร็วสุดประมาณได้ ลัดนิ้วมือเดียว จิตเกิดดับถึงแสนโกฏิขณะ รบกวนท่านผู้รู้ช่วยอธิบายความรวดเร็วของจิตด้วยครับ

ขอกราบอนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 12 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สภาพธรรม คือ จิต (และเจตสิกธรรมที่เกิดร่วมด้วย) เกิดดับสืบต่อกันอย่างไม่ขาดสาย จิตขณะหนึ่งเกิดแล้วดับไป เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อ ซึ่งเป็นปกติอย่างนี้ จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ความจริงเป็นอย่างนี้และเป็นอย่างนี้มานานแล้วในสังสารวัฏฏ์ ผ่านไปแล้วชาติแล้วชาติเล่าและถ้ายังไม่มีการอบรมเจริญปัญญาจนถึงขั้นที่จะสามารถดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้นถึงความเป็นพระอรหันต์ ก็ยังมีเหตุที่ทำให้มีการเกิดในภพต่างๆ มีสภาพธรรมเกิดสืบต่ออีก มีจิตและเจตสิก รวมทั้งรูปด้วย เกิดขึ้นเป็นไป ยังไม่พ้นจากทุกข์โดยประการทั้งปวง

จิต จะไม่เกิดพร้อมกัน ๒-๓ ขณะ แต่เกิดทีละขณะ เป็นไปตามเหตุปัจจัย ซึ่งข้อความที่แสดงไว้ชัดเจน คือ ชั่วเวลาลัดนิ้วมือเดียว (เอานิ้ว ๒ นิ้วมารวมกันและก็ดีดแยกออก เหมือนการดีดนิ้ว) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สั้นแสนสั้น แม้ช่วงเวลาลัดนิ้วมือเดียวนี้ จิต (และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย) เกิดดับไปแล้วนับแสนโกฏิครั้ง

[เล่มที่ 27] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้า 323

ข้อความบางตอนจากอรรถกถาเผณปิณฑสูตรที่ ๓

อนึ่ง เปรียบเหมือนว่า ต่อมน้ำย่อมเกิดและสลายตัวในเพราะหยดน้ำนั้นๆ อยู่ได้ไม่นาน ฉันใด แม้เวทนาก็ฉันนั้น ย่อมเกิดและสลายตัวไป อยู่ได้ไม่นาน ในขณะชั่วลัดนิ้วมือเดียว เกิดแล้วดับไปนับได้แสนโกฏิครั้ง.

[เล่มที่ 48] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้า 17

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรามองไม่เห็นธรรมแม้แต่อย่างหนึ่งอันอื่น ซึ่งเป็นไปรวดเร็วเหมือนอย่างจิตนี้เลยนะ ภิกษุทั้งหลาย และว่าจิตไปได้ไกล ไปดวงเดียว ดังนี้.

การพิจารณาแม้ในขั้นเรื่องราวของสภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไปก็เป็นประโยชน์ หากพิจารณาถูกและเกื้อกูลต่อการเจริญอบรมปัญญา ด้วยเหตุที่ว่า ใครได้อะไรจากสิ่งที่ผ่านไปแล้วบ้าง สิ่งที่เพียงเกิดขึ้นปรากฏแล้วหมดไป ซึ่งความจริงในชีวิตมีสิ่งที่ปรากฏทางตา แต่เป็นโลภะบ้าง โทสะบ้าง จนกว่าจะถึงขณะสุดท้ายที่จากโลกนี้ แสดงให้เห็นถึงความไม่มีอะไรเลย นอกจากการเกิดดับของจิต สาระของชีวิตจึงเป็นผู้อบรมปัญญาเจริญกุศล เพราะไม่มีอะไรติดตามไปได้และจะเป็นที่พึ่งในโลกหน้า คือโลกของจิตที่เกิดดับในขณะต่อไป คือคุณความดีและปัญญาที่อบรมต่อไปจนถึงปัญญาที่ดับกิเลส ไม่มีการเกิดขึ้นและดับไปของจิต เจสิก รูป อันเป็นความสุขที่แท้จริง เพราะเป็นความสุขที่ปราศจากการเกิดขึ้นของสิ่งทั้งปวง ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 12 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จิต เป็นวิญญาณขันธ์ เกิดแล้วดับ จิต เป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ ไม่มีจิตประเภทใดที่เกิดแล้วจะไม่รู้อารมณ์ เมื่อจิตแต่ละประเภทเกิดขึ้นขณะหนึ่งๆ จะมีอนุขณะ (ขณะย่อย) ๓ อนุขณะ คือ ขณะที่เกิดขึ้น ขณะที่ตั้งอยู่ และขณะที่ดับไป

ประโยชน์จากการฟังพระธรรม คือ เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง จากที่เคยไม่รู้มานานแสนนาน ไม่รู้เลย ว่า ขณะนี้เป็นธรรม พร้อมทั้งมีการยึดถือสิ่งที่กำลังปรากฏว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล ก็จะค่อยๆ เข้าใจขึ้น มีความมั่นคงในความเป็นจริงของธรรม ว่า ทุกขณะไม่ปราศจากธรรมเลย มีธรรมเกิดขึ้นเป็นไปอยู่ตลอด โดยไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหน แต่ที่ควรจะแสวงหา ก็คือ ความเข้าใจ และความเข้าใจจะเจริญขึ้นได้ เกิดขึ้นได้ ก็ต้องอาศัยการอบรมจากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง แม้แต่จิตก็เป็นธรรม ไม่ใช่เรา ครับ

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 12 ส.ค. 2557

จิตเกิดดับรวดเร็ว ไวมาก กะพริบตา จิตเกิดดับมากมาย ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
thilda
วันที่ 12 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ปวีร์
วันที่ 13 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ปัณฑฬะ
วันที่ 18 ส.ค. 2557

ขอกราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 24 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Sea
วันที่ 17 ต.ค. 2564

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ