เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนไปอบรมพระนวกะ
เรื่องมีอยู่ว่า วันสุดท้ายตอนอบรมพระนวกะ มีพระประมาณ130กว่ารูปและมีรองเท้าเหมือนของผมอยู่หลายรูป ขอปรึกษา 2คำถามครับ
1. ผมถอดรองเท้าวางไว้ฝั่งบันได a แล้วรองเท้าหายไป ผมจึงไปดูฝั่งบันได b จึงเห็นรองเท้าเหมือนของผม แต่ผมรู้ว่าไม่ได้วางไว้แถวนี้ ผมจึงนำไปใส่ แล้ว กลับมาตั้งไว้ ฝั่งบันได b แต่ไม่ใช่ที่เดิม หลังจากนั้นออกมา รองเท้าหายไป แบบนี้จะเป็นการลักขโมยไหมครับ ปาราชิกไหมครับ
2.เหตุการณ์ต่อมาเมื่อไม่มีรองเท้า ผมก็เดินเท้าเปล่ากลับที่พัก แล้วบอกพระที่เป็นพี่ชายว่า รองเท้าไม่รู้หายไปไหน พระที่เป็นพี่ชายพาไปดู ตรงที่บันไดa ซึ่งเป็น ที่ผมถอดรองเท้าของผมไว้ตั้งแต่แรก เมื่อไปถึงผมก็พยายามหาแล้วเจอรองเท้า แต่ผมไม่มั่นใจว่าเป็นของผมไหม เพราะมันเหมือนกัน พระที่เป็นพี่บอกว่า นั่นเหละ หยิบมาเถอะ ผมก็เลยหยิบมาแล้วก็กลับวัด ทั้งที่ผมไม่มั่นใจว่าใช่รึป่าว เพราะ กลัวจะเป็นของพระอื่น แบบนี้จะเป็นการลักขโมยไหมครับ ปาราชิกไหมครับ
กราบนมัสการพระคุณเจ้าที่เคารพ ครับ
จาก สองเรื่องที่พระคุณเจ้าถามมานั้น ไม่ได้มีเจตนาลักขโมย ไม่ต้องอาบัติปาราชิก แต่หากสงสัย ไม่แน่ใจว่าเป็นของตนเอง ก็ไม่ควรใส่มา ควรจะขออนุญาตสอบถามก่อน แต่ไม่เป็นอาบัติปาราชิกแน่นอน ครับ ขออนุโมทนา
การกระทำอย่างเดียวกันเลย แต่มีจิตที่คิดจะลัก ไม่ได้มีความสงสัยว่าของตนเองหรือไม่ ครับ แต่รู้ว่าของคนอื่น และคิดจะเอาอย่างนี้ มีเจตนาลักขโมย ครับ
ขออนุโมทนา
ครับ ขอบพระคุณมากครับ แต่จากข้อที่ 1 ผมรู้ว่าไม่ได้วางไว้ตรงนั้น แล้ว ยังหยิบมาใช้ แล้วไปถอดไว้แล้วหาย แบบนี้เจตนา ป่าวครับ
ผมคิดออกแล้วครับ ว่าตอนนั้นผมคิดอะไรอยู่ ผมคิดว่าเขาคงใส่ รองเท้าของผมมาไว้ฝั่งบันไดนี้ เพราะมันมีรองเท้า 2 คู่ แบบของผมตั้งอยู่ ผมเลยไปลองว่าคู่ไหนเหมือนของผม หลังจากนั้นผมก็หยิบมา
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบนมัสการพระคุณเจ้าที่เคารพ ครับ
เรื่องจิตใจเป็นเรื่องที่ระวังยาก ก็ต้องอาศัยพระธรรมคอยกล่อมเกลาที่จะทำให้มีการน้อมประพฤติในสิ่งที่เหมาะควร ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรทำ แล้วละเว้นในสิ่งที่ไม่ควรทำ แม้แต่ในกรณีรองเท้าของพระคุณเจ้า สิ่งของของตนที่เคยใช้อยู่ ก็คงจะพอรู้ได้ว่ามีลักษณะอย่างไร เมื่อเกิดความไม่แน่ใจว่าเป็นของของตนหรือไม่ก็ไม่ควรหยิบมา เหตุการณ์ดูเหมือนว่าจะเล็กน้อย แต่ไม่เล็กน้อยเลย เพราะความเป็นบรรพชิตแล้ว จะไม่ถือเอาสิ่งของที่เขาไม่ได้ให้มาเป็นของของตนอย่างเด็ดขาด แต่เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป สามารถตั้งต้นใหม่ด้วยความจริงใจที่จะศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา ขัดเกลากิเลสของตนเองต่อไป ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...