เหตุการณ์คอนโดถล่ม ที่คลองหก ปทุมธานี

 
chatchai.k
วันที่  14 ส.ค. 2557
หมายเลข  25294
อ่าน  1,090

เหตุการณ์คอนโดที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างถล่ม ที่คลองหก จังหวัดปทุมธานี กำลังเป็นที่สนใจของคนทั่วไป ผู้ที่รับทราบข่าวทุกคน มีความสลดใจและสงสารผู้ได้รับเคราะห์กรรม บางคนต้องเสียชีวิต บาดเจ็บ และอาจพิการ โดยเฉพาะหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ เสียชีวิตพร้อมลูกที่อยู่ในครรภ์และบุตรอีกคนหนึ่ง ขณะนี้หน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือก็ยังคงค้นหาผู้ที่ยังติดอยู่ในซากอาคารที่ถล่ม เพื่อค้นหาศพ แต่โอกาสที่จะพบผู้รอดชีวิตคงเหลือน้อยมาก เนื่องจากเหตุการณ์ผ่านมาหลายวันแล้ว

มีท่านที่ศึกษาธรรมะท่านหนึ่งฝากให้ตั้งกระทู้นี้ เพื่อให้ท่านได้เห็นความไม่แน่นอนของชีวิต ความตายเป็นเรื่องที่แน่นอน เกิดขึ้นได้ทุกขณะจิต

หลายๆ ท่านอาจสงสัยและตั้งคำถามว่า

1. ผู้เสียชีวิตทำกรรมอะไรร่วมกัน จึงมาเสียชีวิตในเหตุการณ์เดียวกัน

2. ความสลดใจ ความรู้สึกสงสารผู้ได้รับเคราะห์กรรม เป็นกุศลจิตหรืออกุศลจิต

คงมีคำถามอื่นๆ อีก ขอท่านวิทยากรกรุณาให้ความกระจ่าง และให้ข้อคิดในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 14 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ทุกคนที่เกิดมา ล้วนมีความตายเป็นที่สุดทั้งนั้น เมื่อตายไปแล้วไม่มีอะไรติดตัวไปเลยแม้แต่อย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์ ทร้พย์สินเงินทอง ญาติสนิทมิตรสหายผู้เป็นที่รัก บุคคลผู้ที่เคยรู้จักกัน ก็จะไม่ได้เห็น ไม่ได้รู้จักกันอีกแล้วในชาตินี้เพราะต้องจากทุกสิ่งทุกอย่างไป เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว สิ่งที่สั่งสมอยู่ในจิต ของแต่ละบุคคล ไม่หายไปไหน ไม่ว่าจะเป็นกุศลหรืออกุศล และยังจะต้องสั่งสมต่อไปอยู่เรื่อยๆ ในสังสารวัฎฎ์

เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าเป็นโอกาสในการได้สั่งสมกุศล สั่งสมอบรมเจริญปัญญา ย่อมเป็นโอกาสที่ดีเป็นอย่างยิ่งในชาตินั้นๆ ครับ ความเป็นจริงของสภาพธรรมเป็นจริงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างนั้น แม้คำที่ได้ยินได้ฟัง ก็ต้องมีความเข้าใจให้ถูกต้องตามความเป็นจริงด้วย

ความสงสาร ที่ใช้ในภาษาไทย ความหมายอาจจะเป็นในลักษณะของความเศร้าใจหดหู่ใจ เมื่อเห็นสัตว์ประสบกับความทุกข์ ถ้าพิจารณาตามความเป็นจริงแล้วขณะที่เศร้าใจ ทุกข์ใจ นั้นเป็นอกุศล (ประเภทของโทสะ) ไม่ใช่กุศล แต่ความสงสาร ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงนั้น เป็นกุศลธรรม เป็นเจตสิกฝ่ายดี เป็นกรุณาเจตสิก ที่เมื่อเห็นสัตว์ประสบกับความทุกข์แล้ว มีความปรารถนาที่จะทำการช่วยเหลือเพื่อให้สัตว์นั้นพ้นจากความทุกข์

สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มีความตายเป็นธรรมดา มีความตายเป็นที่สุด ไม่สามารถล่วงพ้นความตายไปได้ ถึงอย่างไรก็จะต้องถึงวันนั้นอย่างแน่นอน แต่ช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่นี้ เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ควรที่จะเป็นโอกาส ของการสั่งสมคุณงามความดีเจริญกุศลประการต่างๆ ตามกำลัง รวมถึงการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สั่งสมความเข้าใจถูก เห็นถูก ในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 14 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก็ต้องมีความเข้าใจอย่างมั่นคงจริงๆ ว่า แต่ละคนเป็นแต่ละหนึ่ง แต่ละคนมีกรรมเป็นของของตนกระทำกรรมใดไว้ที่เป็นกรรมดีก็ตาม กรรมชั่วก็ตาม เมื่อถึงคราวที่กรรมให้ผล ผลก็เกิดขึ้นเป็นไปตามควรแก่เหตุที่ได้กระทำแล้ว กรรมที่เราทำแล้ว วิบากจะไปเกิดกับคนอื่นนั้น เป็นไปไม่ได้ แต่เพราะผู้นั้นได้กระทำกรรมอย่างนั้นมาแล้ว ผลจึงเกิดขึ้นกับผู้นั้นซึ่งเป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น อย่างเช่นอดีตกรรมของพระภิกษุ ๗ รูป ที่ได้เคยกระทำไว้ร่วมกันในคราวที่เป็นเด็กเลี้ยงโคด้วยการอุดรูสัตว์ไว้ไม่ให้ออกจากรู ผ่านไป ๗ วัน นำโคมากินหญ้าแถวนั้น อีกเกิดนึกขึ้นได้ว่า ได้อุดรูสัตว์ไว้สัตว์นั้นจะเป็นอย่างไร จึงนำวัตถุที่ปิดรูออกเห็นสัตว์ตัวนั้นอ่อนเพลีย เพราะขาดอาหาร เกิดความสงสาร ก็ตกลงกันว่าจะไม่ฆ่า พร้อมกับปล่อยให้สัตว์นั้นมีชีวิตอยู่ตามปกติต่อไป เพราะกรรมคือเจตนาที่จะเบียดเบียนสัตว์ดังกล่าวซึ่งไม่ถึงกับการทำให้สัตว์ตาย ก็เป็นเหตุให้พระภิกษุทั้ง ๗ รูปนั้น ช่วงที่เดินทางไปต่างถิ่นได้ที่พักในถ้ำ หินก้อนใหญ่ก็กลิ้งปิดปากถ้ำ แม้พระภิกษุเจ้าถิ่นพร้อมกับชาวบ้านจะช่วยกันสักเท่าใดก็ไม่สามารถกลิ้งหินออกไปได้ พอผ่านไป ๗ วันหินก็กลิ้งออกตามปกติซึ่งเป็นผลของการที่สงสารไม่ฆ่าสัตว์ดังกล่าวนั้น

ก็พอจะเห็นได้ว่าแต่ละคนเป็นแต่ละหนึ่ง ในเมื่อเป็นกรรมที่แต่ละคนได้กระทำผลจึงเกิดขึ้น ผลดังกล่าวก็ให้โดยไม่ผิดตัวด้วย และอีกประการหนึ่งควรจะได้พิจารณาว่า กรรมที่ได้กระทำไปแล้วยุติธรรมที่สุดในการให้ผล แม้คนทำจะลืมไปแล้ว แต่กรรมก็ไม่ลืมที่จะให้ผล จึงไม่ควรประมาทเลย และวิบากเป็นผลของกรรม ย่อมไม่เป็นเหตุให้เกิดผลในภายหน้าเพราะวิบากที่เกิดขึ้นต้องมาจากเหตุคือกรรมเท่านั้น

ความเศร้าใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นอกุศล เป็นความไม่สบายใจ ขึ้นชื่อว่าอกุศลแล้ว ไม่มีประโยชน์เลย ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม จากเหตุการณ์ตึกถล่มก็ทำให้เห็นได้ว่า เราไม่รู้ว่าความตายจะมาถึงเมื่อใด และทุกคนก็จะต้องตายด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้น ควรอย่างยิ่งที่จะไม่ประมาทในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมและอบรมเจริญปัญญาต่อไป ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
orawan.c
วันที่ 14 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 14 ส.ค. 2557

ในพระไตรปิฏกมีแสดงไว้ เช่น พวกเจ้าศากยะ ถูกน้ำพัดไปลงไปในแม่น้ำตายกันหมดเป็นอาหารของพวกปลาและเต่าเพราะอดีตกรรมที่ทำร่วมกัน คือ โปรยยาพิษลงในแม่น้ำ กุศลเกิดสลับกับอกุศล ความสงสารเป็นกุศล แต่ความทุกข์ที่ช่วยเขาไม่ได้เป็นอกุศลค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 14 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ปวีร์
วันที่ 15 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
tanrat
วันที่ 16 ส.ค. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
papon
วันที่ 16 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
peem
วันที่ 26 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ