การตั้งจิตก่อนสิ้นลม
ก่อนสิ้นลมหายใจตายหากตั้งจิตสวดพุทโธอย่างเดียวแม้ไม่ได้ฌาณจะไปจุติที่ใหน
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ระลึกคำอะไรก็ได้ แต่จิตเป็นอย่างไร กุศลหรืออกุศล ระลึกถึงคำว่า พุทโธ จำเป็นไหมต้องเป็นกุศล ถ้าไม่ได้ระลึกถึงพระคุณ และไม่เข้าใจธัมมะ ที่กล่าวมาแสดงให้เห็นว่า เรื่องที่คิด ไม่ใช่เป็นเครื่องตัดสินว่า จิตเป็นกุศล หรืออกุศล (เพราะบัญญัติ เป็นอารมณ์ของกุศลหรืออกุศลก็ได้) แต่ขึ้นอยู่กับสภาพจิตต่างหากว่า คิดถึงเรื่องราวหรือคำนั้น จิตเป็นอย่างไร แม้แต่คำว่า พุทโธ ครับ เพราะฉะนั้น ก่อนตาย ระลึกถึง พุทโธ ไม่ได้หมายความว่า จิตจะต้องเป็นกุศล และก่อนตาย จิต 5 ขณะสุดท้าย ก็รวดเร็ว ไม่สามารถรู้เลยว่า จิตเป็นอะไรในขณะนั้น ครับ ไม่มีใครบังคับสภาพธัมมะ ให้เป็นไปตามใจได้ เพราะเป็นธัมมะ ไม่ใช่เรา ถ้าเป็นไปดั่งใจ ทุกคนก็คงเกิดบนสวรรค์หรือสุคติภูมิ หรือถ้าบังคับได้ ก็คงไม่ต้องรอตอนตายก็ทำเสียตั้งแต่ตอนนี้ แต่ความเป็นจริงแม้ตอนนี้เรายังบังคับอะไรไม่ได้เลย เมื่อโทสะจะเกิดก็เกิดเมื่อเหตุปัจจัยพร้อม เมื่อกุศลจะเกิด ก็ไม่มีใครไปบังคับก่อนว่า กุศลจงเกิด แต่ธัมมะเขาก็มีเหตุปัจจัยของเขานั่นเอง ซึ่งในเรื่อง ก่อนตาย ให้ระลึกถึงความดี ตัวอย่างที่แสดงถึงการบังคับบัญชาไม่ได้ ก็มีในเรื่องพระนางมัลลิกาเทวี พระมเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกศล แม้ทำกุศลตั้งมากมายกับพระพุทธเจ้า แต่เพราะกรรมอย่างหนึ่ง จึงคิดแต่เรื่องนั้น แม้ใกล้ตาย จึงไปเกิดในอเวจีมหานรก ครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ.....พระนางมัลลิกาเกิดในอเวจี [ เรื่องพระนางมัลลิกา ]
จากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
"...ความจริงความตายเร็วที่สุด ก่อนตายอาจจะนอนป่วยไข้ หรือสนุกสนานร่าเริง แต่พอถึงเวลาตายก็ตายได้ แม้ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยก็ตายได้ เพราะฉะนั้น ความตายตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ชั่วขณะจิต ดังนั้น ใครจะรู้ว่าเมื่อใดถ้าคิดว่าก่อนตายจะทำอย่างไร จงทำเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้ แต่ว่าไม่มีใครจะไปทำอะไรได้ เพราะปกติ คนอยากจะมีกุศลทุกวัน แต่ตามเหตุ พอมีเหตุของอกุศล อกุศลก็เกิด... และไม่ต้องคร่ำครวญว่าอกุศลมากเหลือเกินเพราะเหตุว่าถ้ารู้เรื่องเหตุและผลแล้ว และรู้ว่ากุศลน้อย ก็ต้องอบรมเจริญกุศลโดยไม่ประมาท เพราะฉะนั้น ถ้ากลัวเกิดในอบายภูมิ ต้องเป็นผู้ไม่ประมาทในการอบรมเจริญกุศลโดยเฉพาะการเจริญปัญญา เพราะพระอริยบุคคลเท่านั้นที่จะไม่เกิดในอบายภูมิ แต่ถ้าไม่เป็นพระอริยบุคคล อกุศลกรรมที่มี ที่ได้กระทำแล้ว ไม่เฉพาะที่ทำในชาตินี้ ...อาจจะเป็นชาติไหนๆ ก็ได้ จากอดีตหลายแสนโกฏิกัปป์ ก็อาจจะมาทำให้เกิดในชาตินี้ได้ แต่เรื่องที่จะทำอะไรก่อนตายไม่มีใครทำได้จริงๆ เหมือนกับขณะนี้จะรอทำไมให้ถึงก่อนตาย ทำเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ทำให้จิตเป็นกุศลเสียเดี๋ยวนี้ ให้ปัญญาเกิดเสียเดี๋ยวนี้ แทนที่จะไปรอทำก่อนตาย..."
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมตามความเป็นจริงเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษาอย่างแท้จริง เมื่อเวลาใกล้ตายจิตผ่องใส สุคติภูมิย่อมหวังได้ เมื่อจิตเศร้าหมอง ทุคติภูมิย่อมหวังได้ จากพระพุทธพจน์นี้แสดงให้เห็นว่าอยู่ที่สภาพจิตเป็นสำคัญ แม้ว่าเวลาใกล้ตายมีการภาวนาว่า "พุทโธ" แต่ไม่มีความเข้าใจพระคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า การท่องคำว่า " พุทโธ " อาจไม่สำเร็จประโยชน์อันใด ที่สำคัญคือในชีวิตประจำวัน ควรอย่างยิ่งที่จะได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญาและเจริญกุศลทุกประการ เพื่อการรู้แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริง ไม่ต้องรอเวลาใกล้ตาย ควรเริ่มทำเสียตั้งแต่วันนี้ก่อนที่จะสายไป เพราะไม่สามารถจะรู้ได้ว่า ความตายจะมาถึงเมื่อใด ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ เพราะเหตุว่า สิ่งที่ไม่มีนิมิตเครื่องหมาย คือ ชีวิต จะเป็นอยู่นานเท่าใด จะตายเมื่อไหร่ จะตายที่ไหน จะตายด้วยโรคอะไร และตายแล้วจะไปเกิด ณ ที่ไหน? ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ก่อนตายไม่มีใครรู้ว่าจะไปเกิดที่ไหน ในสุคติหรือทุคติ จิตเกิดดับรวดเร็วมาก ขณะที่ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า กุศลจิตเกิดแล้วก็ดับ อกุศลก็เกิดสลับได้ ค่ะ
ส่วนมากแล้วจะทำกันง่ายๆ นั่นคือการประมาทในพระปัญญาธิคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบอนุโมทนาค่ะท่าน
ฉะนั้นจึงควรทำความดีให้ฝังจิตฝังใจใช่มั๊ยครับ
ขออนุโมทนาครับ
อย่าไปหวังว่าขณะจุติจิตเกิดขึ้นแล้วได้ทำกิจเคลื่อนจากภพภูมินี้แล้ว จะทำสิ่งใดหรือบังคับให้จิตเป็นอย่างใดได้เลย เพราะแม้แต่ขณะนี้เองก็ยังไม่สามารถบังคับให้จิตเป็นกุศลหรือเป็นอกุศลขึ้นได้เลยด้วยซ้ำ เพราะทุกอย่างประกอบด้วยเหตุ ด้วยปัจจัย เมื่อเหตุและปัจจัยของสิ่งนั้นๆ ถึงพร้อม แม้ไม่ไม่ต้องการผล ผลก็ย่อมเกิด จึงต้องฟังและพิจารณาและมีตบะเพื่อให้เกิดความเข้าใจ เพื่อให้เกิดปัญญาครับ
ขออนุโมทนา