เรียนถามค่ะเกี่ยวกับการอุทิศส่วนกุศล
เรียนถามค่ะ ในการอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่เสียชีวิต สมมติว่าเขาอยู่ในภพภูมิที่รับรู้ได้ค่ะเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเราได้อุทิศให้กับเขาคะ จากการที่เราเอ่ยชื่อเขาหรือเปล่าคะ แล้วถ้าไม่ได้มีความคุ้นเคยกัน แม้ว่าเราจะเอ่ยชื่อเขา เขาจะรับรู้ได้ไหมคะ
ขอบพระคุณอาจารย์ทุกท่านมากๆ ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การอุทิศส่วนกุศล เป็นบุญประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้น โดยเมื่อมีการทำบุญประเภทต่างๆ แล้วก็มีจิตคิดให้ผู้อื่นรับรู้บุญที่ได้ทำมา เพื่อให้สัตว์นั้นได้อนุโมทนา ดังนั้น การอุทิศส่วนกุศลจึงเป็นเรื่องของจิต ที่มีเจตนาให้ผู้อื่นรู้ในบุญที่ตนได้กระทำ ครับ
ซึ่งกุศลทุกๆ ประการที่ได้ทำสามารถอุทิศได้ ซึ่งกุศลของผู้ที่ได้ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน รักษาศีล ฟังพระธรรม เป็นต้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่กลับมาอีก จึงไม่สามารถจะยกบุญของตนเองไปให้ผู้อื่น เพราะบุญของใครก็ของคนนั้น เพราะฉะนั้นจึงไม่เป็นปัญหา หากว่า ลืมอุทิศ หลังจากที่เพิ่งได้ทำบุญ ก็สามารถอุทิศภายหลังได้เมื่อนึกขึ้นได้ เพราะ การอุทิศส่วนกุศล ก็เป็นการบอกบุญ ให้ญาติรับรู้ ที่เกิดเป็นเปรตหรือ เทวดา ได้รับรู้ และญาติเกิดจิตอนุโมทนา คือ เกิดกุศลจิตของตนเอง อนุโมทนาในกุศลที่เราได้ทำ ครับ
เพราะฉะนั้น การอนุโมทนาของญาติ ก็ต้องเป็นกุศลของญาติเอง ไม่ใช่ การนำบุญของตนไปให้ญาติ เพราะว่า บุญของเราเองก็เกิดดับไปแล้ว แม้เพิ่งอุทิศเดี๋ยวนั้นบุญที่เราได้ทำก็ดับไปแล้ว จึงไม่มีปัญหาที่จะอุทิศภายหลัง ซึ่งหากมีการอุทิศภายหลังหลายวัน และญาติเกิดจิตอนุโมทนาก็ได้รับส่วนบุญ ส่วนบุญนี้ ไม่ใช่มาจากการยกบุญของเราไปให้ เหมือนสิ่งของที่มอบให้ แต่ส่วนบุญที่ได้รับ อาศัยบุญที่เราได้ทำ ทำให้ญาติเกิดกุศลจิตของตนเอง จึงได้รับส่วนบุญของจิตที่ตนเองทีเกิดกุศลจิต ซึ่งถ้าเกิดเป็น สัตว์นรก เป็น สัตว์เดรัจฉาน และ มนุษย์ เหล่านี้ ไม่สามารถรับอุทิศส่วนกุศลได้ หากถ้าเกิดเป็น เปรต เป็น โอปปาติกะ คือ ตายแล้วเกิดโตเป็นตัวโตทันทีไม่ได้ผ่านการเกิดในครรภ์ในท้องก่อน เพราะฉะนั้น สัตว์ที่เกิดโตทันทีจึงจำความได้ว่า ชาติก่อนเป็นอะไร ชื่ออะไร เพราะเพียงการสืบต่อของขณะจิตเดียว คือ จุติจิตไปปฏิสนธิจิต และ โต เป็นตัวใหญ่ทันทีรู้เรื่องเลย ต่างกับภพภูมิมนุษย์ที่ต้องเกิดในครรภ์ก่อน ค่อยๆ โต และ เป็นเด็กทารก โดยมาก จึงจำชื่อ เรื่องราวต่างๆ ในชาติก่อนไม่ได้เพราะฉะนั้น หากเกิดเป็นปรตโตทันทีก็จำชื่อของตนเองในชาติก่อนได้ และเมื่อมีญาตอุทิศส่วนกุศลให้ และ รับรู้ ก็เกิดจิตอนุโมทนา เพราะ กล่าวถึงชื่อของตนที่ญาติอุทิศก็ได้รับส่วนกุศลนั้น ครับ ดังข้อความในพระไตรปิฎก ในการอุทิศที่เอ่ยชื่อ ครับ
[เล่มที่ 75] พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า ๔๒๙
เมื่อบุคคลให้ทาน กระทำการบูชาด้วยของหอมเป็นต้น แล้วให้ส่วนบุญว่าขอส่วนบุญจงมีแก่บุคคลชื่อโน้น หรือว่า ขอส่วนบุญจงมีแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ดังนี้ พึงทราบว่า เป็นบุญกิริยาวัตถุอันเกิดแต่การให้ส่วนบุญ
ซึ่งการเอ่ยชื่อญาติ ญาติย่อมล่วงรู้ได้ เพราะ ภาวะของการเกิดเป็น โอปปาติกะเกิดเป็นตัวทันทีย่อมรู้ได้ ส่วนคนอื่นที่ไม่คุ้นเคย จะรู้ไหมนั้น ในความเป็นจริงพระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า บุคคลที่ไม่ใช่ญาติกัน หาได้ยากในโลก คือ เป็นญาติกันมาหมดแล้วเพราะฉะนั้น ก็สามารถล่วงรู้จากการอุทิศของเราได้ ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เราไม่สามารถจะทราบได้ว่าผู้ที่ล่วงลับไปแล้วจะเกิดเป็นอะไร ที่ไหน จะสามารถรับรู้การอุทิศส่วนกุศลของเราหรือไม่ ก็ตามควรแก่ความเป็นไปของผู้นั้นและการสะสมของผู้นั้น ด้วย การอุทิศส่วนกุศลให้ใคร จุดประสงค์ก็เพื่อให้ผู้นั้นได้รู้เพื่อผู้นั้นจะได้เกิดกุศลจิตอนุโมทนา กุศลจิตที่อนุโมทนาย่อมเป็นกุศลของผู้อนุโมทนาเองซึ่งกุศลที่เกิดขึ้นด้วยการอนุโมทนานี้จะเป็นเหตุให้ได้รับผลที่ดี คือ กุศลวิบากจิตเกิดขึ้น ไม่ใช่เราหยิบยื่นกุศลของเราให้คนอื่นแต่การที่เราทำกุศล แล้วเป็นเหตุให้คนอื่นที่รู้อนุโมทนา ยินดีด้วยขณะใดที่เขาอนุโมทนายินดีด้วยขณะนั้นก็เป็นกุศลของเขาซึ่งจะต้องเป็นกุศลจิตของ ผู้ที่อนุโมทนาเท่านั้นจริงๆ
การมีโอกาสได้สะสมความดีในชีวิตประจำวันก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดีและสำหรับผู้ที่ เห็นคุณค่าแห่งการเกิดกุศลจิต ว่าเป็นขณะที่มีค่า ก็จะมีการคิดถึงผู้อื่น ประสงค์จะให้ผู้อื่นเกิดกุศลจิต จึงมีการอุทิศส่วนกุศล เป็นการเจริญกุศลเพิ่มขึ้นอีกประการหนึ่ง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ถ้าเขาอยู่ในภพที่สามารถรับรู้การอุทิศส่วนกุศล ก็ขึ้นอยู่กับจิตของเขายินดีในกุศลที่เราอุทิศให้หรือเปล่า และถึงแม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยชื่อ ถ้าเขารู้เขาเห็นเขาก็อนุโมทนาในกุศลได้ เช่น ในภพภูมิมนุษย์ เวลาเราเห็นใครทำความดีแม้ไม่ใช่ญาติเราเราก็ยินดีในกุศลที่คนอื่นทำ ก็เป็นมหากุศลแล้วค่ะ