การให้ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก

 
chatchai.k
วันที่  16 ส.ค. 2557
หมายเลข  25313
อ่าน  5,457

การให้ทานตามหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างไร

การให้ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก เป็นทานประเภทไหนครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 16 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ทาน การให หมายถึง เจตนาที่สละวัตถุเพื่อประโยชนกับผูอื่น ขณะที่มีเจตนาสละเพื่อประโยชนกับผูอื่น ไมใชเรา แตเปนสภาพธรรมที่เปน จิต เจตสิก เกิดขึ้น คือ อโลภเจตสิก ที่ไมติดของ จึงสละในขณะนั้น เมื่อเกิดรวมกับจิต ก็เปนจิตที่ดีงาม จึงเปนกุศลจิตนั้นเมื่อเปนเจตนาใหเพื่อประโยชนผูอื่น ขณะนั้นก็เปนกุศลในขั้นทาน คือ ทานกุศล ที่เป็นทานในพระพุทธศาสนา ครับ

ถ้าทานกุศลในชีวิตประจำวันไม่เกิดเลย จะดำเนินไปถึงการดับกิเลสได้อย่างไร การเจริญกุศล ก็ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อขัดเกลากิเลส กุศลเป็นสภาพธรรมฝ่ายดี ควรที่จะอบรมเจริญในชีวิตประจำวัน ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นจะเบาสบาย ผ่องใส ซึ่งจะตรงกันข้ามกับขณะที่จิตเป็นอกุศลอย่างสิ้นเชิง

แม้ในขณะที่ให้ทาน ไม่ใช่ให้เพื่อหวังผล เป็นสิ่งตอบแทนจากการให้ เป็นต้น แต่เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ความตระหนี่ ถ้าเป็นผู้ได้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ก็จะทำให้เห็นอกุศลที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง แล้วเริ่มขัดเกลากิเลสของตนเอง และเป็นผู้ที่เข้าใจในเหตุในผลมากยิ่งขึ้น ทั้งหมด ย่อมเป็นเพราะได้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ปัญญาเข้าใจสภาพธรรม ที่กำลังมีในขณะนั้น

การเจริญกุศลเพื่อหวังสิ่งหนึ่งสิ่งใดตอบแทนนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ถ้าเริ่มเข้าใจพระธรรม ไปตามลำดับแล้ว การเจริญกุศลทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นในขั้นของ ทาน (การให้ สละวัตถุสิ่งของ เพื่อประโยชน์สุขของบุคคลอื่น อันเป็นการสละ ซึ่งความตระหนี่) ขั้นของ ศีล (งดเว้นจากทุจริตกรรมประการต่างๆ และประพฤติ ในสิ่งที่ดีงาม) ขั้นของภาวนา (การอบรมเจริญ ความสงบของจิต และการอบรมเจริญปัญญา ที่ประจักษ์แจ้งในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง) ย่อมเป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสทั้งสิ้น ครับ ส่วนการให้ท่านที่มีอานิสงส์มากที่สุด คือ ทานที่ประกอบด้วยปัญญา คือ การให้ทานปรุงแต่งจิต ครับ

การให้ทานเพื่อประดับปรุงแต่งจิต คือ การให้ทาน ที่อาศัยการให้ทานนั้น เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลขั้นสูง คือ การได้ฌาน หรือการเจริญวิปัสสนา ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่ให้ทานแล้วสติปัฏฐานเกิดระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ให้ทาน ปัญญาเกิดในขณะที่ให้ทานนั้น ชื่อว่า เป็นการให้ทานประดับปรุงแต่งจิต คือ ประดับ ปรุงแต่งจิตให้ถึงการสิ้นกิเลส อันเป็นการให้ทานสูงสุด ประเสริฐที่สุด ครับ เพราะ เป็นการให้ทานเพื่อเป็นไปพร้อมกับปัญญา และเป็นเพื่อความเจริญขึ้นในกุศลอื่นๆ และเป็นไปเพื่อประดับจิตให้สูงขึ้นจนดับกิเลสได้นั่นเองครับ นี่คือการให้ทานเพื่อประดับปรุงแต่งจิตประดับด้วยเจตสิกที่ประกอบด้วยปัญญาที่เป็นการเจริญสติปัฏฐาน สติปัฏฐานเกิดขณะที่ให้ทาน ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 16 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การเจริญกุศลในทางพระพุทธศาสนาทุกอย่างทุกประการ ต้องเป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเท่านั้น ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน การรักษาศีล และการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เป็นต้น ก็เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อหวังผลหรือต้องการผลจากการได้เจริญกุศลประการนั้นๆ เพราะเมื่อเหตุสมควรแก่ผล ผลก็ต้องเกิดขึ้นเป็นไปอยู่แล้ว โดยไม่ต้องหวัง เพราะในขณะที่หวังนั้น เป็นอกุศล ไม่ใช่กุศล ความเข้าใจพระธรรมเท่านั้น ที่จะอุปการะเกื้อกูล ให้กุศลธรรมประการต่างๆ เจริญขึ้นในชีวิตประจำวัน เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง จนกว่ากิเลสทั้งปวงจะถูกดับหมดสิ้นไปได้ในที่สุด

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 16 ส.ค. 2557

ทานมีโอกาสก็ให้ จะอานิสงส์มาก ไม่มากก็ควรให้ แต่ทานที่มีปัญญา มีอานิสงส์มาก ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
peem
วันที่ 17 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
จิตและเจตสิก
วันที่ 20 มี.ค. 2558

สาธุ ขออนุโมทนา ฯ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ