มิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิดจากความเป็นจริงของธรรม
คำถามนี้สืบเนื่องมาจากกระทู้...
การล่วงศีล ๕ และ อกุศลกรรมบถ ๑๐ นำไปสู่อบายภูมิ
มิจฉาทิฏฐิ เป็นหนึ่งในอกุศลกรรมบถ ๑๐
ขอเรียนถามว่า สำหรับผู้ที่มีมิจฉาทิฏฐิ แต่ไม่ได้นำความเห็นผิดไปเผยแพร่ต่อ หรือ นำไปเผยแพร่โดยเข้าใจว่าเป็นความเห็นถูก ทั้งสองกรณีนี้จะนำไปสู่อบายภูมิไหมครับ
ก่อนอื่นขอท่านวิทยากรกรุณาช่วยอธิบายความหมายของ มิจฉาทิฏฐิ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
มิจฉาทิฏฐิ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นอกุศลธรรม ที่เป็นความเห็นผิด เห็นคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เช่น เห็นผิดว่ากรรมไม่มี ผลของกรรมไม่มี เห็นผิดว่ามีสัตว์บุคคล เห็นผิดว่าเป็นสุข เห็นผิดว่าเที่ยง เป็นต้น รวมความว่าความเห็นผิดเป็นการเห็นที่คลาดเคลื่อนตามความเป็นจริงในเรื่องของสภาพธรรม ครับ
ความเห็นผิด เป็นสภาพธรรมที่มีจริง แต่เป็นสภาพธรรมที่เป็นอกุศลธรรม เป็นสิ่งที่ไม่ดี ความเห็นผิด หรือ มิจฉาทิฏฐิ พระพุทธองค์แสดงไว้ว่ามีโทษมาก อันตรายเพราะความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) เมื่อเกิดขึ้นย่อมทำให้คิดผิด (มิจฉาสังกัปปะ) คือ คิดติดข้องในสิ่งต่างๆ (กามวิตก) คิดเบียดเบียนผู้อื่น (วิหิงสาวิตก) คิดปองร้ายผู้อื่น (พยาบาทวิตก) เมื่อคิดผิด ก็ทำให้มีวาจาที่ผิด (มิจฉาวาจา) คือ พูดเท็จ พูดหยาบ พูดส่อเสียดและพูดเพ้อเจ้อ และเพราะเห็นผิด การกระทำทางกายก็ผิด (มิจฉากัมมันตะ) คือฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เป็นต้น และทำให้มีอาชีพที่ผิด (มิจฉาอาชีวะ) มีความเพียรที่ผิดที่เป็นไปในอกุศล (มิจฉาวายามะ) มีความระลึกผิด มีความตั้งมั่นผิด และทำให้สิ่งต่างๆ และอกุศลธรรมประการต่างๆ เจริญขึ้น เพราะมีความเห็นผิดครับ
ซึ่งความเห็นผิดที่เกิดขึ้นในจิตใจ แต่ไม่ได้เผยแพร่ แสดงออกมาทางกาย วาจาก็ไม่ถึงกับจะต้องไปอบายภูมิ เพราะไม่มีกำลังที่จะก้าวล่วงออกมาทางกาย วาจา ครับ
การฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงย่อมเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกทั้งสิ้น แม้แต่ในเรื่องของอกุศล คือความเห็นผิด พระองค์ก็ทรงแสดงเพื่อให้ผู้ฟังได้เข้าใจและเห็นโทษตามความเป็นจริงว่า ตราบใดก็ตามที่ยังไม่ได้เป็นพระอริยบุคคล ความเห็นผิดก็ยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้และสามารถมีกำลังถึงขั้นที่เป็นความเห็นผิดที่ดิ่ง ดังกล่าวมาแล้วได้ เพราะฉะนั้นเป็นเครื่องเตือนสำหรับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่อย่างแท้จริง เพื่อให้เป็นผู้ไม่ประมาทในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ไม่ประมาทในกุศลแม้เล็กน้อย พร้อมทั้งไม่ประมาทในอกุศลแม้เล็กน้อยด้วยเช่นเดียวกัน
ดังนั้น ควรอย่างยิ่งที่จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นทางเดียวที่จะทำให้ละกิเลสทั้งหลาย มีความเห็นผิด เป็นต้น ได้ในที่สุด ครับ.
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เป็นความจริงที่ว่า บุคคลผู้ที่ยังไม่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม บรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นพระโสดาบัน โอกาสที่จะมีความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) ก็ย่อมสามารถที่จะเกิดขึ้นได้ แล้วแต่ว่าจะมีมากหรือมีน้อย ความเห็นผิดนี้อันตรายมาก เป็นเหตุนำมาซึ่งอกุศลธรรมอย่างมากมาย เพราะเหตุว่าเมื่อมีความเห็นผิดแล้ว อะไรๆ ก็ผิดตามไปด้วย กล่าวคือความประพฤติทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ ก็ผิดไปด้วยตามความเห็นที่ผิดนั่นเอง ผลที่ตามมาคือ เป็นผู้มีอบายเป็นที่ไปในเบื้องหน้า จึงเป็นเรื่องที่น่ากลัว และจะประมาทไม่ได้เลยจริงๆ
ขณะที่ฟังพระธรรม เป็นการสะสมความเข้าใจถูก เริ่มที่จะมีความเห็นถูกจนกว่าจะมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นๆ โดยที่ต้องอาศัยกาลเวลาอันยาวนานในการอบรมเจริญปัญญาอย่างแท้จริง การที่ค่อยๆ เข้าใจธรรมเพิ่มขึ้นๆ นั้นดีกว่าที่จะไม่มีหนทางเลย ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ขณะที่เรายังวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏฏ์นั้น การที่เราไม่มีหนทาง ก็เหมือนกับการที่เราตกไปในเหวลึกที่ไม่มีทางขึ้นและมืดสนิท เมื่อเราตกไปในเหวลึกแล้ว เราไม่ควรที่จะอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย แต่ควรอย่างยิ่งที่เราจะค่อยๆ ไต่ขึ้นมาทีละนิดทีละหน่อย ซึ่งก็เหมือนกับการที่เราเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อยจากการฟัง การศึกษาในชีวิตประจำวันนั่นเอง จึงเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาอย่างยิ่ง ประการที่สำคัญ เราไม่สามารถที่จะทราบได้เลยว่า โอกาสที่เราจะเข้าใจธรรมในภพนี้ชาตินี้จะเหลืออีกเท่าใด เพราะฉะนั้นแล้ว เวลาที่เหลืออยู่นี้จึงเป็นเวลาที่มีค่าที่สุดในการที่จะให้ตนเองมีความเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะเป็นไปเพื่อการดับกิเลส มีความเห็นผิด เป็นต้น ได้ในที่สุด เพราะขณะที่เข้าใจ ปัญญาเกิดก็คุ้มครองไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดแล้ว และในขณะนั้นอกุศลก็เกิดไม่ได้ด้วย ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...