อย่างนี้เป็นความเห็นถูกไหม

 
tanrat
วันที่  26 ส.ค. 2557
หมายเลข  25401
อ่าน  907

สภาพธรรมะปรากฏให้ระลึก กำลังถูกเรี่ยไรเงิน นำไปให้แก่พระสงฆ์ที่นิมนต์มาฉันอาหารที่บ้าน เป็นค่าน้ำมันกลับวัด พระท่านขับรถมา (ที่อเมริกา) ขณะนั้นสติเกิดระลึกว่าพระไม่ควรยุ่งการเงิน ไม่บริจาค เลยถูกตำหนิว่าเป็นคนตระหนี่ แต่ขณะนั้ไม่หวั่นไหว อยากจะขอให้ท่านอาจารย์กรุณาให้ความกระจ่างด้วย นี่เป็นชีวิตปกติประจำวัน พระมาบวชเพื่อขัดเกลากิเลส แต่ผู้ที่มีความเห็นผิดจะไปเพิ่มพูนให้ท่านติดข้องในกิเลส

กราบขอบพระคุณค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 26 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมวินัย ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อการกำจัดกิเลสที่แต่ละบุคคลได้สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ แต่ถ้าไม่ได้ศึกษา ไม่ได้เข้าใจถูกต้องตรงตามพระธรรมวินัยแล้วโอกาสที่จะกระทำผิด ก็ย่อมจะมีได้ หรือ ในอีกกรณีหนึ่ง คือ ทั้งๆ ที่รู้ว่า เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามพระธรรมวินัย แต่ก็มีเจตนาที่จะล่วงละเมิดสิกขาบทนั้นๆ เพราะกำลังของกิเลส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ความไม่ละอาย ความไม่เกรงกลัวต่ออกุศล นั่นเอง

สำหรับเงินและทอง นั้น เป็นสิ่งที่ไม่สมควรแก่เพศพระภิกษุ โดยประการทั้งปวง เป็นเครื่องเศร้าหมองของบรรพชิตจริงๆ ทำให้เกิดความติดข้อง เป็นห่วงกังวล และไม่ต่างอะไรกับคฤหัสถ์ เพราะพระภิกษุ รับเงินและทอง ไม่ได้ เป็นอาบัติ ไม่ว่าจะรับเพื่อตนหรือ เพื่อสิ่งอื่น เช่น สร้างกุฏิ สร้างพระอุโบสถ เป็นต้น ก็เป็นอาบัติ ถ้ารับเมื่อใด ไม่ว่ากรณีใดๆ ล้วนไม่พ้นจากอาบัติ ชีวิตพระภิกษุ เป็นชีวิตที่ขัดเกลาเป็นอย่างยิ่ง เงินทองไม่จำเป็นสำหรับพระภิกษุ พระภิกษุผู้ที่ไม่ละอาย ไม่เคารพยำเกรงในพระธรรมวินัย ก็มีการล่วงสิกขาบทต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก็คือ การรับเงินรับทอง, การรับเงิน รับทอง เป็นอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ การที่จะแสดงอาบัติข้อนี้ ให้ตนเองเป็นผู้พ้นจากอาบัติได้ ต้องมีการสละให้ถูกต้องตามพระวินัยเสียก่อน แล้วจึงจะแสดงอาบัติตก แต่ถ้าไม่ทำการสละเลย แล้วแสดงอาบัติ ก็ไม่พ้นจากอาบัติ เป็นผู้มีอาบัติติดตัวเป็นอันตรายมากในเพศบรรพชิต, เพศบรรพชิตต้องเคารพพระธรรมวินัย ถ้าต้องการเงิน ต้องการใช้เงิน ไม่ต้องบวช เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงในการบวช ก็เพื่อขัดเกลากิเลส เท่านั้น ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่นเลย ครับ ดังนั้น การไม่ให้สิ่งที่ไม่สมควรกับพระภิกษุ คือ เงิน ทอง ไม่ใช่ผู้ตระหนี่ แต่เป็นผู้ฉลาดในการให้ และเป็นผู้มีความเห็นถูก พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ ครับ ขออนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 26 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การถวายเงินแก่พระภิกษุโดยตรง โดยที่พระภิกษุเป็นผู้รับ เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง พระภิกษุผู้รับนั้น จะรับเพื่อตนเอง หรือ เพื่อผู้อื่น ก็เป็นอาบัติด้วยกันทั้งนั้น ส่วนผู้ถวายก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ไม่ฉลาดในการให้ทาน เพราะเป็นการให้ที่ทำให้พระภิกษุต้องอาบัติ แต่ถ้ามอบเงินไว้ให้กับไวยาวัจจกร (ผู้ขวนขวายในสิ่งที่เป็นประโยชน์) เพื่อใช้จ่ายเป็นค่าวัตถุสิ่งของต่างๆ ที่เหมาะสมกับเพศบรรพชิต ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นไปตามพระธรรมวินัย เพราะพระภิกษุไม่ได้เป็นผู้รับ ไม่ได้เกี่ยวข้อง เมื่อได้

คฤหัสถ์เมื่อได้ศึกษาพระธรรมวินัย มีความเข้าใจอย่างถูกต้องแล้วว่า อะไรเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แล้วก็ไม่ควรที่จะกระทำผิดต่อไป มั่นคงที่จะไม่กระทำในสิ่งที่ผิดอีกต่อไป ใครจะว่าอย่างไร ก็มั่นคงในความถูกต้อง ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 26 ส.ค. 2557

ถ้าพระภิกษุศึกษาพระวินัยก็จะไม่รับเงินทอง ส่วนฆราวาสที่รู้พระวินัยก็จะช่วยให้พระภิกษุไม่ต้องอาบัติ การศึกษาธรรมะจึงเป็นประโยชน์กับทุกเพศ ทุกวัย ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
peem
วันที่ 26 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
tanrat
วันที่ 27 ส.ค. 2557

กราบขอบพระคุณ และกราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ประสาน
วันที่ 27 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
kullawat
วันที่ 27 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Dechachot
วันที่ 27 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
nopwong
วันที่ 28 ส.ค. 2557

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Pure.
วันที่ 5 ก.ย. 2557

ทุกๆ คำตอบเป็นธรรมเห็นชอบด้วยธรรม แต่อยู่ในสังคมที่ไม่มีธรรม

ขออนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ