เคยได้ยินว่า บนสวรรค์ชั้นต่างๆ จะมีการเสพกามของเทวดา แต่ละชั้นไม่เหมือนกัน
เคยได้ยินว่า บนสวรรค์ชั้นต่างๆ จะมีการเสพกามของเทวดา แต่ละชั้นไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะสวรรค์ชั้นดุสิต เช่น บางชั้นแค่ กอด บางชั้นแค่ จ้องตากัน ก็สำเร็จกิจ ไม่ทราบว่า ข้อความที่กล่าวมาเหล่านี้ มีอยู่ไหนพระไตรปิฎกหรือไม่ และมีอยู่หน้าไหน พระสูตรไหนครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ในความเป็นจริง ไม่ใช่เพียงการสวมกอด หรือ จ้องตา แม้ในสวรรค์ชั้นที่สูงๆ ก็มีการเสพเมถุนธรรมเช่นกัน แม้ในสวรรค์ชั้นสูง เช่นเดียวกับสวรรค์ชั้นต่ำ ในเทวโลก ยังมีการเสพกาม (เสพเมถุน) ซึ่งก็ตามแต่ละชั้นของเทวโลก เช่น บางชั้น (นิมมานรดี) ก็เนรมิตสิ่งที่ตัวเองชอบ ลักษณะที่ตัวเองชอบแล้วก็เสพกาม ชั้นปรนิมมิตตสวัตตี ก็ให้บุคคลอื่นเนรมิตสิ่งที่ตนชอบ แล้วเสพกาม ดังนั้น ในเทวโลก ยังมีการเสพเมถุนล่วงความเป็นคู่ ดังเช่นมนุษย์อยู่ แต่ความประณีตต่างกัน เพราะเป็นทิพย์ ครับ ดังข้อความในพระไตรปิฎก
ส่วนพระเถระบางท่านกล่าวว่า กามกิจย่อมสำเร็จแก่พวกเขาด้วยอาการสักว่าหัวเราะ สักว่ามองดูและสักว่าการสวมกอด. คำของพระเถระบางท่านนั้น ถูกคัดค้านไว้ในอรรถกถาว่าคำที่กล่าวนั้น ไม่มี. กามกิจที่จะพึงถูกต้อง จะสำเร็จแก่ผู้ไม่ถูกต้องด้วยกาย หามิได้. เพราะว่า กามทั้งหลายของเหล่าเทพชั้นฉกามาวจร เป็นไปตามปรกติเหมือนกัน.
สมจริงดังที่ตรัสไว้ว่า
เทพเหล่ากามาวจรหกชั้นเหล่านั้น พรั่งพร้อมด้วยกามทั้งปวง อายุของเทพเหล่านั้น เมื่อนับรวมกันจะเป็นเท่าไร.
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ ๓๑๕
ข้อความบางตอนจาก อรรถภถา สังคีติสูตร
บทว่า นิมฺมานรตี ความว่า ชื่อว่าเทวดาเหล่านิมมานรดี เพราะอรรถว่า เทวดาเหล่านั้นยินดีในของเนรมิตที่ตนเนรมิตแล้วๆ อย่างนั้น. บทว่า ปรนิมฺมิตกามา แปลว่า ผู้มีกามที่ผู้อื่นเนรมิตให้. เพราะว่า เทวดาพวกอื่นรู้ใจของเทวดาเหล่านั้น แล้วก็เนรมิตกามโภคะตามที่ชอบใจให้ เทวดาเหล่านั้น ย่อมยังอำนาจให้เป็นไปในกามโภคะนั้นนั่นแหละ. ถามว่าผู้อื่นรู้ใจของคนอื่นได้อย่างไร. ตอบว่า รู้ได้ด้วยอำนาจการเสพใช้ตามปกติอุปมาเหมือนพ่อครัวผู้ฉลาด เมื่อพระราชาเสวยอยู่ ย่อมรู้ได้ว่า พระราชาพระองค์นั้นทรงรับสิ่งใดๆ มาก พระองค์ย่อมโปรดสิ่งนั้นๆ . ผู้อื่นรู้อารมณ์ที่เขาชอบใจมาก ตามปรกติ ด้วยอาการอย่างนี้แล้ว จึงเนรมิตอารมณ์เช่นนั้นนั้นแล ให้พวกเขาย่อมยังอำนาจให้เป็นไปในสิ่งที่เขาเนรมิตให้นั้น คือ เสพเมถุน
เชิญคลิกอ่าน...เทวดา ยังมีการเสพกาม [วิธุรชาดก]
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บุคคลผู้ที่ยังมีกิเลส ยังมีความติดข้อง จึงมีความยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันเป็นที่ตั้งแห่งความติดข้องยินดีพอใจ กล่าวได้ว่ายังยินดีในสุขที่ไม่สะอาด นับวันยิ่งจะแสวงหาความสุขที่ไม่สะอาดนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามซึ่งก็คือธรรมที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ดังนั้น ความต่างระหว่างผู้ที่หมดกิเลสแล้ว กับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ จึงห่างไกลกันมาก ยิ่งกว่าฟ้ากับดินทีเดียว เพราะผู้ที่ดับกิเลสได้อย่างหมดสิ้นแล้ว ไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...