การพิจารณาชักผ้าบังสกุล
พุทธมนต์ที่ใช้ในการพิจารณา ผ้าบังสกุล จำได้ว่าฟังจากอาจารย์ท่านหนึ่ง ว่าใช้เสกน้ำแก้คุณไสยได้ เพื่อความเข้าใจ ผมอยากได้คำแปลมนต์บทนี้ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บทสวดบังสุกุล ที่นิยมสวดเวลามีคนตายอยู่ในพระไตรปิฎกดังนี้
[เล่มที่ 13] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 323
[๑๔๗] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานแล้ว พร้อมกับปรินิพพาน ท้าวสักกะจอมเทพ ได้ตรัสพระคาถาว่า
อนิจฺจา วต สงฺขารา อุปฺปาทวยธมฺมิโน อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ เตสํ วูปสโม สุโขติ ฯ
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีความเกิดขึ้น และเสื่อมไปเป็นธรรมดา ย่อมเกิดขึ้นและดับไป ความเข้าไปสงบสังขารเหล่านั้นได้เป็นสุข.
[เล่มที่ 40] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑
เรื่องพระปูติคัตตติสสเถระ
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี ทรงปรารภพระเถระชื่อว่า ปูติคัตตติสสเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "อจิรํ วตยํ กาโย" เป็นต้น. ฯลฯ
อจิรํ วตยํ กาโย ปฐวึ อธิเสสฺสติ ฉุฑฺโฑ อเปตวิญฺญาโณ นิรตฺถํว กลิงคฺรํ.
"ไม่นานหนอ กายนี้จักนอนทับแผ่นดิน. กายนี้มีวิญญาณไปปราศ อันบุคคลทิ้งแล้ว, ราวกับท่อนไม้ไม่มีประโยชน์ฉะนั้น."
ผ้าบังสุกุล ซึ่งแปลว่า "ผ้าเปื้อนฝุ่น" ซึ่งเป็นผ้าที่ไม่มีเจ้าของ ที่พระภิกษุท่านแสวงหาด้วยการเก็บตามป่าช้า บ้าง ตามกองขยะ บ้าง ตามสถานที่ที่บุคคลนำไปทิ้งแล้วบ้าง เป็นต้น เก็บรวบรวมมาทำเป็นผ้าจีวรสำหรับนุ่งห่ม ผ้าบังสุกุล จะไม่มีผู้ถวาย แต่เป็นการแสวงหาอย่างถูกต้องของพระภิกษุ นี้จึงเป็นลักษณะของผ้าป่าหรือผ้าบังสุกุล แต่ถ้าเป็นผ้าที่คฤหัสถ์ถวายโดยตรงต่อท่าน ผ้านั้น เป็นคฤหบดีจีวร ไม่ใช่ผ้าบังสุกุล (ซึ่งทั้งผ้าบังสุกุล และ ผ้าคฤหบดีจีวร ก็เป็นผ้าที่ควรแก่พระภิกษุ)
คุณไสย หรือ ไสยศาสตร์ เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยความหลับไหล ทำให้ผู้คนหลับไหลด้วยความไม่รู้ และด้วยอกุศลธรรมประการต่างๆ ไม่ได้เป็นไปเพื่อความเข้าใจธรรมตามความเป็นจริง ส่วน พุทธศาสน์ หรือ พระพุทธศาสนา เป็นคำสอนของท่านผู้รู้ ผู้ประเสริฐที่สุดในโลก ด้วยพระบริสุทธิคุณ พระปัญญาคุณ และ พระมหากรุณาคุณ คือ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ดังนั้น ผ้าบังสุกุลไม่ใช่การสวดเพื่อป้องกันภัย แก้คุณไสย ป้องกันไม่ได้เลย ครับ
ขอเชิญอ่านเรื่องคุณไสย ที่ท่านอาจารย์สุจินต์อธิบายดีแล้วครับ
คำถาม ถ้าท่านอาจารย์โดนคุณไสย ท่านอาจารย์จะทำอย่างไร
คำตอบ ไม่รู้จักคุณไสย ช่วยกรุณาบอกหน่อยว่าคุณไสยคืออะไร จะตอบคำถามที่ไม่รู้ไม่ได้ แต่ต้องอธิบายก่อนว่าคุณไสยคืออะไร เพราะฉะนั้นก็จะต้องถามกลับว่าคุณไสยคืออะไร จะตอบโดยไม่รู้ ไม่ได้ ต้องรู้ว่าคืออะไร แต่ว่าจะมีอะไรพ้นจากตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ วันนี้ ไม่พ้นจากเห็นบ้าง ได้ยินบ้าง ได้กลิ่นบ้าง ลิ้มรสบ้าง รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสบ้าง คิดนึกบ้าง ใครทำ แล้วอะไรคุณ อะไรไสย อยู่ที่ไหน ในเมื่อเห็น ก็เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย คุณไสยจะมาทำให้เห็นหรือ คุณไสยไหน ชื่อคุณไสยหรือชื่อคุณอะไรก็ไม่รู้ ก็ไม่ทราบ แต่ว่าไม่สามารถจะทำให้อะไรเกิดขึ้นได้เลย
ทุกอย่างที่เกิด ต้องมีปัจจัยเฉพาะที่จะให้สิ่งนั้นเกิดเป็นอย่างนั้น ไม่เป็นอย่างอื่น มีใครไปทำคุณไสยพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า ถ้ามีจริงใช่ไหม? เป็นแค่ความคิดที่ไม่รู้ความจริง หรือใครจะอธิบายว่าคุณไสยมีจริง มีจริงเป็นเห็นหรือเป็นได้ยิน หรือเป็นได้กลิ่น หรือเป็นลิ้มรส หรือเป็นการรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส หรือว่าเป็นการคิดนึก ซึ่งไม่ได้บอกถึงเหตุและผลเลย แต่ว่าธรรมที่มีจริง ทั้งเหตุและผล ก็คงจะตอบปัญหานี้ได้แล้ว หรือว่าท่านผู้ใดยังสงสัย เดี๋ยวนี้กำลังได้ยิน คุณไสยทำให้ได้ยินหรือเปล่า กำลังคิดนึก คุณไสยทำให้คิดนึกหรือเปล่า กำลังโกรธขุ่นใจ คุณไสยทำให้โกรธหรือเปล่า เพราะฉะนั้นก็ ปัญญา รู้ความจริง แต่ถ้าไม่ใช่ปัญญา ก็คิดไปด้วยความไม่รู้ เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องไปคิดถึง ไม่ต้องเดือดร้อนแทนด้วย.
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในแต่ละขณะ เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น จึงต้องเริ่มต้นที่การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจจริงๆ พระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงโดยละเอียดโดยประการทั้งปวง เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยตลอด ไม่มีคำสอนแม้แต่บทเดียวที่จะสอนให้คนไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ หรือด้วยความเห็นผิด เพราะฉะนั้น ก็ไม่ต้องไปหวั่นไหวกับคำพูดของผู้ที่ไม่ได้กล่าวธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
เมื่อเราได้เข้าใจธรรมอย่างถูกต้องแล้ว เป็นประโยชน์เองแล้ว ยังสามารถเกื้อกูลให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นได้ด้วย ที่จะทำให้ได้เข้าใจความจริงตรงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...