เป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา

 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่  16 ก.ย. 2557
หมายเลข  25543
อ่าน  1,787

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

เป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา

กราบเท้า บูชา พระคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาสำหรับกุศลทุกประการของทุกๆ ท่านค่ะ

ด้วยความเคารพยิ่ง จาก ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี (ใหญ่ราชบุรี)

เข้าใจว่า ที่ กำลัง”เห็น” ... ”เป็นเรา” บางคน อาจจะ กำลัง “คิดนึก” ไม่มีใคร ห้าม ความคิดนึก ทุกคน “คิดนึก” ตลอด เรา กำลัง “คิดนึก” ถึงใคร ถึงเรื่องนั้น ถึงเรื่องนี้ อาจจะ เป็น เรื่อง ที่อ่าน ในหนังสือพิมพ์ ในวารสาร ดู ทีวี โทรทัศน์ ก็ ”คิด” ไป ได้ ต่างๆ หรือ แม้แต่ ในขณะนี้ ที่ กำลัง ”นั่งอยู่” ทุกคน ก็ ”คิด” แต่ว่า ก่อน ที่จะได้ ฟัง พระธรรม ”เป็นเรา” ทั้งหมด ที่ ”เห็น” ที่กำลัง ”คิด” ด้วย

แต่ ถ้ารู้ว่า คำว่า “ธรรมะ” หมายความถึง “ทุกสิ่งที่มีจริง” เรา เริ่ม เข้าใจแล้ว ว่า แม้แต่ “ความคิด” ก็เป็น”ธรรมะ”ชนิดหนึ่ง การเห็น ”ไม่ใช่เรา” เป็น ”ธรรมะ” ชนิดหนึ่ง ขณะที่ กำลัง “ได้ยิน” ยาก ที่จะ ฟังพระธรรม แล้วก็ คล้อยตาม ว่า ”ไม่ใช่เรา” เป็นแต่เพียง ”ธรรมะ” สภาพที่มีจริง อย่างหนึ่ง รู้สึก ยาก แสนยาก ที่จะ เห็นอย่างนั้น เข้าใจอย่างนั้น

แต่ ลอง พิจารณาว่า ถ้า ไม่มี เสียง กระทบ หู จะ ”ได้ยิน” ไหม ทำ ยังไง ยังไง ให้เกิด ”ได้ยิน” ขึ้นมา ได้ไหม ถ้าเสียง ไม่กระทบหู เพราะฉะนั้น “เสียง" เป็นธรรมะชนิดหนึ่ง ซึ่งกระทบ ”อื่น” ไม่ได้เลย นอกจาก “โสตะปสาทะ” ซึ่งเป็น ”รูป” ชนิดหนึ่ง เป็น ”รูป” ที่ มีลักษณะพิเศษ ในร่างกายของเราที่ สามารถ จะ กระทบ เฉพาะ ”เสียง” ... “รูปอื่น ที่ไม่ใช่ โสตะปสาทะ” กระทบ “เสียง” ไม่ได้เลย ก็ มองเห็น ค่อยๆ เห็น ทีละน้อย ว่า “เสียง” ก็เป็นธรรมะ อย่างหนึ่ง มีจริงๆ “โสตะปสาทะ” ก็ เป็นรูป เป็นธรรมะชนิดหนึ่ง ที่มีจริงๆ เพราะฉะนั้น “ได้ยิน” ในขณะนี้ มีแน่ๆ

แต่ว่า เคยคิด เคยเข้าใจว่า “เป็นเรา ได้ยิน” ลอง คิดดู สิว่า “เสียง” หมดไปแล้ว เพราะฉะนั้น “ได้ยิน” จะยัง ”ได้ยิน” ต่อไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น “เสียงเมื่อกี้นี้” ใครจะเก็บห่อเอาไว้ กลับมา ”ได้ยิน” อีกที ก็ไม่ได้ “จิต ที่ได้ยินเสียง” ก็ดับไปแล้ว เพราะฉะนั้น “สิ่ง ที่ เกิดแล้ว ดับแล้ว” จะเป็นของเราได้ไหม จะเป็นเราจริงๆ ได้ไหม จะเป็นตัวตนได้ไหม

นี่คือ พระธรรม ที่ พระผู้มีพระภาค ทรงแสวงหา ตลอด ระหว่าง ที่เป็น พระโพธิสัตว์ สี่ อสงไขยแสนกัป นี่ อย่างเร็ว กว่า จะได้ ประจักษ์แจ้ง จริงๆ ว่า “เป็นสภาพธรรมะ” หรือ เรา จะใช้ คำว่า ”ธรรมชาติ” ก็ได้ อย่างหนึ่ง ซึ่ง มี จริง

แล้วก็ ไม่ควร ที่จะ หลง ยึดถือว่า “เป็นเรา” เพราะ ทุกอย่าง เกิด เพราะเหตุปัจจัย แล้วดับหมด เสียง ดับแล้ว ได้ยิน ดับแล้ว คิดนึก ทีละคำ ทีละขณะ ก็ดับแล้ว เพราะฉะนั้น “มีอะไรบ้าง” ตั้งแต่เกิดมา รูปตอนเป็นเด็ก ก็ดับแล้ว สุข ทุกข์ ความป่วยไข้ ความเสียใจ ความดีใจ ตอนเป็นเด็ก ก็ดับหมดแล้ว หรือ แม้แต่ เมื่อวานนี้เอง ก็ไม่เหลือแล้ว หรือแม้แต่ ขณะชั่วครู่ เมื่อกี้นี้เอง ก็ดับหมดแล้ว นี่ก็ แสดงให้เห็นว่า เรา ไม่ได้ เข้าใจ ธรรมะตรง ตาม ที่ พระผู้มีพระภาค ทรงแสดง จนกว่า จะ ได้ ศึกษาพระธรรมจริงๆ แล้วถ้า ศึกษาพระธรรมจริงๆ แล้ว ยัง ต้องเป็น ผู้ที่เห็นประโยชน์ ของ การที่จะ รู้ ความจริงของตัวเอง มิฉะนั้นแล้ว เรา จะมี ชีวิตอยู่ โดยที่ว่า เกิดมา ได้ยังไง ก็ไม่รู้ ตายไปแล้ว เป็นยังไง ก็ไม่รู้ เต็มไปด้วย ”ความไม่รู้” โดยตลอด

ถอดคำบรรยายธรรม โดย ใหญ่ราชบุรี – ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
peem
วันที่ 22 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
j.jim
วันที่ 23 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 21 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ