บันเทิงในธรรม ... ที่แม่กลอง
นึกถึงคำบรรยายตอนหนึ่งของท่านอาจารย์ว่า เมื่อเข้าใจธรรมะแล้วจะไม่อยากไป ไหนเพราะสามารถบันเทิงในธรรมะได้ทุกแห่ง ทุกเวลาที่ได้ฟัง ได้พิจารณา ได้ไตร่ตรอง แล้วเข้าใจขึ้นๆ เรียนให้ท่านทราบว่า เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยอยากไปไหน (จะแสดงว่าตัวเองเริ่ม เข้าใจธรรมะบ้างแล้ว) แต่พอไม่อยากไปไหน ก็ได้ไปติดๆ กัน คือเมื่ออาทิตย์ก่อนได้ไป สนทนาธรรม ที่หัวหิน อาทิตย์นี้ (16-17 ก.ย. 57) ได้ไปที่แม่กลองมารีน่า รีสอร์ท แต่ เมื่อได้รับเชิญก็ยินดีมากกว่าไม่ได้รับเชิญค่ะ แสดงว่าที่บอกว่าไม่อยากไปไหนเพราะเริ่ม เข้าใจนั้น มีกำลังอ่อนกว่าการได้เห็น ได้พักผ่อนในสถานที่สวยงาม มีอาหารอร่อยและ อบอุ่น ท่ามกลางกัลยาณมิตร โดยเฉพาะท่านอาจารย์ที่สามารถอธิบายธรรมะให้เข้าไป อยู่ในใจได้นั้น ทำให้บันเทิงอย่างยิ่งค่ะ
สังเกตดูจากสหายธรรมที่เริ่มเข้าใจธรรมะบ้างแล้วว่า ทุกครั้งที่ได้พบสถานที่สงบ ร่มรื่นมีธรรมชาติสวยงาม เป็นป่าเขา ลำธาร แม่น้ำ น้ำตก ทะเล ก็ต้องการจัดสนทนา ธรรมที่มีท่านอาจารย์เป็นประธานเสมอ แสดงว่า คงสะสมการได้ฟังธรรมในสถานที่รื่นรมย์เช่นนี้มาแล้วในอดีต คือในศาลาสุธัมมา บนสวรรค์ชั้นใดชั้นหนึ่งเป็นแน่ (คิดเองตาม ประสาคนรักตัวเอง) แต่อย่างไรก็ตามผู้จัดสนทนาธรรมตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะในกรุง- เทพหรือต่างจังหวัด ก็เพราะสถานที่เหล่านั้นมีบรรยากาศที่สงบ สวยงาม ร่มรื่นเหมาะกับ การเรียนเชิญท่านอาจารย์ไปพักผ่อนและสนทนาธรรมทั้งสิ้น
การสนทนาธรรมในครั้งนี้ก็เหมือนกัน คุณเผ่าทิพย์ มอนแทนดอน เจ้าภาพได้เลือก สรรสถานที่ที่ไม่ไกลเกินไปสำหรับการเดินทางจากกรุงเทพ และต้องสวยงาม สงบ ร่มรื่น ทราบว่าได้เดินทางไปสำรวจแถวอัมพวา แม่กลอง หลายครั้งกับทีมงาน มีคุณเรวัตและ คุณเดือนฉาย ค่ำอำนวย (ชื่อและนามสกุลของท่านเป็นเหตุเป็นผลดีมาก คือ ถ้าไม่ค่ำ เดือนก็จะไม่ฉาย ท่านทั้งสองนี้มีฉันทะในการทำประโยชน์แก่ผู้อื่น เช่น เป็นผู้จัดการทัวร์ เป็นผู้บริบาลสหายธรรมที่ป่วยไข้และพักฟื้น ฯลฯ ขออนุโมทนาค่ะ) เป็นต้น และคุณ เผ่าทิพย์ ได้ตัดสินใจเลือกแม่กลองมารีน่า แห่งนี้ เพราะตรงตามสเป็คมากที่สุด
ออกเดินทางจากบ้านที่สายไหม ๗ โมงเช้า เพราะนัดกับอาจารย์ฉัตรชัย กิติพรชัย webmaster ของ www.dhammahome.com ตอน ๘.๓๐ น. ไปถึงที่นัดหมายเกินเวลา ไปเล็กน้อย หาอาจารย์ไม่พบ โทรศัพท์ตามตัว ปรากฏว่าท่านไปช่วยกวาดลานวัด ระหว่างรอ คนฉลาด ย่อมทำกุศลทุกประการที่มีโอกาส ขออนุโมทนาอีกเช่นกันค่ะ (เป็น คนฉลาดเหมือนกันหรือฉลาดกว่า ไม่ต้องออกแรง เพียงคอยดู คอยฟังว่าใครทำกุศลที่ ไหน เมื่อไร เพื่อร่วมอนุโมทนาด้วย)
ออกเดินทางจากกรุงเทพแต่เช้า เพราะไปที่ไหนๆ ก็จะหลงทางเสมอ (เหมือนกำลัง หลงอยู่ในสังสารวัฏฏ์ หาทางออกไม่ได้มานานแสนนาน) คุณวันชัย ภู่งาม น้องชายที่ แสนดีส่งแผนที่มาให้ทาง line อีกครั้ง หลังจากได้รับจากคุณเผ่าแล้ว แต่เราทั้ง ๓ คน ก็ดูแผนที่ไม่คล่อง ต้องหยุดถามเป็นระยะๆ ในที่สุดก็ถึงแม่กลอง มารีน่า เป็นกลุ่มที่ ๒ แพ้คุณพิมพาที่มาจากท่ายางแค่เส้นยาแดงผ่าแปด เธอมาพร้อมกับขนมอร่อยหม้อใหญ่ ฝีมือพี่สาวคนโตเช่นเคย (ยังไม่อนุโมทนานะคะ) และคนอื่นๆ ก็ตามมา จนถึงทานบดีแม่ กลอง คุณเจี๊ยบ รัชนีวรรณ บุญชู มาพร้อมคุณขจร นักประดิษฐ์ (ไม่ใช่นามสกุลนะคะ แต่ ท่านชอบประดิษฐ์ของสวยงามมาให้ท่านอาจารย์เสมอ คราวนี้ก็ทำข้าวเกรียบปากหม้อ เป็นนกตัวน้อยๆ ) ท่านนำมะพร้าวอ่อนเป็นร้อยลูก และขนมต้มแสนอร่อยของแม่กลอง และยังมีปลาหมึกหลากหลายชนิด (ของใครนะ จำไม่ได้ แต่อร่อยมาก) คุณหมอทวีปและ คุณพรทิพย์ ผูกจิตร มหาอุบาสกอุบาสิกา ผู้หนักในทานเช่นกัน นำเมี่ยงคำแสนอร่อย ฝีมือคุณหมอเอง มาร่วมเจริญกุศลด้วย
คุณยุพิน นำทองม้วนอินเตอร์ที่ทำส่งออกอย่าง เดียว ไม่ขายในเมืองไทย ต้องอาศัยเส้นคุณยุพินมาให้พวกเราชิมด้วย คุณนภา นางเอก ของเรานำอาหารมาหลายอย่าง และทุกคนที่เจริญกุศลกันคนละอย่างสองอย่าง จารนัย ไม่หมด ทานกุศลเหล่านี้ก็ทำให้เกิดปีติชุ่มชื่นใจในกุศลจิตที่เกิดขึ้น (อย่าลืมว่า ไม่ใช่ ใคร เป็นธรรมะอย่างหนึ่ง เกิดแล้วดับแล้ว เหลือแต่กุศลวิบากจิตที่จะให้ผลเมื่อมีปัจจัยที่ เหมาะสม ดังนั้น ถ้าลืมชื่อใครไปบ้าง ก็อย่าโกรธกัน หรือถ้าโกรธแล้วก็เป็นธรรมะอย่าง หนึ่งเหมือนกัน โกรธเกิดแล้วดับแล้ว ห้ามไม่ได้ เพราะไม่ใช่ใครเช่นกัน) ถ้าที่ไหนไม่ มีการให้ที่นั่นก็จะแห้งแล้ง ฝืดเคือง เหมือนล้อเกวียนไม่หยอดน้ำมัน (ไม่จำเป็นต้องให้ สิ่งของ ให้อภัย ให้ความเมตตา ความกรุณา อย่างคุณนวลวรรณและน้องเพียว ที่กรุณา มาบริการนวดถึงห้องเพื่อให้หายปวดเข่า ทั้งๆ ที่ท่านก็อ่อนเพลียจากการนวดท่าน อาจารย์มาแล้ว หรือคุณสุภาพรรณ มาสาธิตท่าออกกำลังกายให้หายปวดเมื่อย และการ ให้ธรรมะเป็นทานสูงสุด) จึงขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
หลังรับประทานอาหารกลางวัน และพักผ่อน ๑ ชั่วโมง ก็เริ่มสนทนาธรรมตอนบ่าย สอง คุณปริญญา สีดาโสมพาคุณเบญจมาศ ภรรยามาร่วมสนทนาด้วย คุณเบญจมาศ ได้พบท่านอาจารย์ที่บ้านคุณนภาที่ชะอำเมื่ออาทิตย์ก่อน เธอเล่าว่า ชอบสวดมนต์และ อธิษฐานเสมอว่าขอให้มีปัญญา วันนี้ท่านอาจารย์เลยช่วยให้เธอเกิดปัญญาด้วยการให้ โอกาสถามปัญหา เธอถามเรื่องจิต เจตสิก ท่านอาจารย์อธิบายละเอียดตั้งแต่คำว่า ธรรมะ อภิธรรม ปรมัตถธรรม จิต เจตสิกให้ฟังตามลำดับอย่างละเอียด ด้วยตัวอย่างที่ กำลังปรากฏในขณะนั้น ทำให้ผู้ที่เคยคิดว่าเข้าใจแล้วได้รู้ตัวว่า ยังไม่เข้าใจเท่าไร (ดี ที่รู้ได้เฉพาะตน ไม่ได้พูดออกไปให้คนอื่นรู้ด้วย และที่ยังอายไม่อยากให้คนอื่นรู้นั้น เพราะยังไม่เข้าใจว่า ไม่รู้ก็เป็นธรรมะอย่างหนึ่งเหมือนกัน) มีตัวอย่างหนึ่งที่ท่านอาจารย์ ถามและคุณเบญจมาศตอบ น่าสนใจมาก (รายละเอียดน้องวันชัยคงจะถอดคำบรรยายมา เล่าใน “ณ กาลครั้งหนึ่ง... ที่แม่กลอง”) ขอสรุปคำถามตอบว่า
ท่านอาจารย์ถามว่า เย็น เป็นอะไร เย็นเป็นจิต คือกายวิญญาณที่รู้เย็นที่กระทบกาย เย็นสบาย สบายเป็นอะไร สบายเป็นเวทนาเจตสิกที่เกิดกับกุศลกายวิญญาณ ที่เป็น วิบากจิต ถ้าเย็นสบายดี ดี (ที่ว่าดี เพราะชอบ) จึงเป็นโลภมูลจิต เป็นอกุศล แล้วพระ อรหันต์จะรู้สึกว่าเย็นสบายดี ได้ไหม ไม่ได้ เพราะพระอรหันต์ไม่มีโลภเจตสิก เป็นต้น
จำธรรมะได้นิดเดียวตามเคย ทั้งๆ ที่ท่านอาจารย์และคุณเบนถามตอบกันเกือบ ๓ ชั่วโมง แต่ท่านผู้อ่านไม่ต้องเสียดาย เพราะน้องวันชัยจะทำหน้าที่อย่างแข็งขัน รายงาน ให้ทราบอย่างละเอียดต่อไป และทางมูลนิธิฯ ยังถ่ายวีดีโอเพื่อเผยแพร่ด้วยค่ะ
กราบท่านอาจารย์ที่กรุณาบรรยายด้วยคำถาม คำตอบอย่างละเอียดตามลำดับ ขออนุโมทนาคุณเบญจมาศ สำหรับคำถามและคำตอบ ที่แสดงความเป็นผู้ตรง เมื่อคิด แล้วไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ทำให้พวกเราได้ยินคำอธิบายที่ละเอียดขึ้นๆ และอนุโมทนาคุณ เผ่าทิพย์ มอนแทนดอน เจ้าภาพ ที่พิถีพิถันจัดการสนทนาธรรมครั้งนี้อย่างประณีต สมบูรณ์แบบค่ะ
ขณะที่กุศลจิตเกิด โดยเฉพาะกุศลที่ประกอบด้วยปัญญา ที่ได้เข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้น เป็นขณะที่มีค่าที่สุดในสังสารวัฏฏ์ เพราะจะทำให้หาทางออกจากสังสารวัฏฏ์ ที่หลงมานาน แสนนานได้
ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของพี่เผ่าทิพย์ มอนเทนดอน และ ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่แดง เป็นอย่างยิ่ง ครับ
ยิ่งระลึกรู้ธรรมะที่ปรากฏเฉพาะหน้าแต่ละขณะๆ ก็ยิ่งบันเทิงในธรรมะ ไม่เฉพาะรู้ เท่านั้น ยังปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ไม่ใช่มีตัวตนไปทำอะไร ธรรมะทำกิจของตนๆ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของพี่เผ่าทิพย์ มอนเทนดอน และ ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่แดง และ ทุกๆ ท่านเป็นอย่างยิ่ง ค่ะ
ขอบพระคุณ สาธุ อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ด้วยความเคารพยิ่ง
จาก ใหญ่ราชบุรี – ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี