รู้ว่า เป็น จิระกาละภาวนา ... ต้องอบรม
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
บางส่วนจาก...ปกิณณกธรรม แผ่นที่ ๑๒ - ตอนที่ 664
//www.dhammahome.com/cd/topic/108/4
ถอดคำบรรยายธรรม โดย ใหญ่ราชบุรี – ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี
ต้องรู้ว่า ขณะที่กำลังฟังเข้าใจ ไม่ใช่ปัญญาระดับที่จะไปดับกิเลส หรือว่า ระดับที่ประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมะที่เกิดดับ หรือ ระดับที่ รู้ว่า ลักษณะของ วิปัสสนาญาณะ ต่างกับ ขณะที่เป็นสติปัฏฐาน นี่เป็น เรื่องของปัญญา - ทั้งหมด นะคะ ที่ปัญญาจะรู้
เพราะฉะนั้น ความรู้ของแต่ละคน - ก็ต้องเป็นไปตามลำดับจริงๆ ถ้า “ความรู้ - ไม่ได้เป็นไป – เพื่อละ” ขณะนั้น เราก็รู้ว่า ผิดหนทางอีกแล้ว “มีความต้องการ-เข้ามาบัง” เพราะฉะนั้น ขณะนี้ ค่ะ ทำไม ไม่ประจักษ์การเกิดดับ "อวิชชาที่สะสมมา" อยู่ที่ไหนคะ ยกไปไหน หายไปหมด เราจะได้ ประจักษ์ การเกิดดับ ขณะนี้ ได้ หรือว่า ยังมีสะสม อยู่ในจิต หนาแน่นมาก แล้วก็ ยังฉาบทาด้วย “โลภะ หรือ ความติดข้อง” ซึ่งเป็น ”นายช่าง-สร้างเรือน” มานานแสนนาน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ยังมีกำลังมหาศาล ที่จะทำให้เรา “คิด” โดยขณะนั้น แม้ว่า จะไม่คิดว่า ”เป็นตัวเรา” แต่ก็ มีความต้องการผล โดยที่ ไม่ทราบว่า “ขณะที่ต้องการผล” ไม่ใช่ ความรู้ถูก ความเห็นถูก ใน ลักษณะของสภาพธรรมะที่ปรากฏ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ถ้า ฟังธรรมะ ด้วยความเข้าใจ แล้วก็ รู้ว่า เป็น”จิระกาละภาวนา” ต้องอบรม แล้ว เรา ก็เป็น ผู้ที่ ”ไม่เห็น-จะต้อง-ท้อถอย” กี่ชาติ - ก็กี่ชาติ ..... กี่วัน – กี่เดือน – กี่ปี ก็คือว่า ต้อง รู้ ลักษณะของสภาพธรรมะ ”เดี๋ยวนี้” โดยการที่ว่า ถ้า เริ่ม-มีการระลึก-มีการเข้าใจ “จะ คลาย -ความสงสัย –ความไม่รู้ และ –ความติดข้อง” ใน สภาพธรรมะ - ที่กำลังปรากฏ อย่างนี้ ที่เราบอกว่า “สติสัมปชัญญะ ที่เกิด เป็น สติปัฏฐาน”
“ระลึก” ลักษณะของ-รูปบ้าง-นามบ้าง นิดเดียว...แล้วก็หมด ทั่วได้ยังไง ในเมื่อทางตา ไม่เคย”ระลึก”เลย ทั้งๆ ที่”เห็น”ก็มี ...กำลังปรากฏ ก็ สะสม ความไม่รู้ ทางตา เนี่ยต่อไป ใช่ไหม แล้ว การที่จะ “ รู้ “ ลักษณะของสภาพธรรมะ ที่ปรากฏทางตา บางคนก็เข้าใจว่า “ต้องแยกขาดจาก” การที่จะรู้ว่า สิ่งที่ปรากฏทางตา เป็นคนเป็นสัตว์ แต่ว่า ตามความจริง ไม่ใช่ เป็น การไปแยก ให้ สภาพธรรมะนั้น ขาด ... ปรากฏ แต่ว่า เป็น การสะสม ความเห็นถูก ความเข้าใจถูก ใน การเกิดดับ สืบต่อ อย่างรวดเร็ว ของ สภาพธรรมะเพราะฉะนั้น ถ้า มีความเข้าใจอย่างนี้ เราก็ อบรมเจริญปัญญาไป คือ ค่อยๆ สะสมความเห็นถูก ว่า ขณะนี้ สิ่งที่ปรากฏทางตา ... เป็นอย่างนี้ เป็นอย่างอื่น ... ไม่ได้
แต่ ส่วน”ความคิดนึก” แม้ว่า กำลัง”เห็น” เราก็ ”คิด” เรื่องอะไร ก็ได้ ทั้งนั้น เพราะฉะนั้น “ความคิด” มีหลากหลายมากมาย ที่ทำให้ ไม่เข้าใจว่า ขณะนั้น ”ไม่ใช่เรา” เพราะ เคยชิน กับ การคิด