ไปแสวงบุญ ....?

 
chatchai.k
วันที่  6 ต.ค. 2557
หมายเลข  25605
อ่าน  1,943

เมื่อทราบว่าท่านผู้ใดจะเดินทางไปอินเดีย ก็มักได้รับคำทักทาย หรือ คำถาม ว่า "ไปแสวงบุญ หรือคะ" ไม่ทราบว่าท่านที่กำลังจะเดินทางไปอินเดีย ไปแสวงบุญ หรือไปเพื่อวัตถุประสงค์อะไรบ้างครับ การไปอินเดียทำให้ได้บุญติดตัวมาด้วยไหมครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 6 ต.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ควรเข้าใจแม้แต่คำว่า บุญ คือ อะไร? บุญ เป็นธรรม เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ อยู่ที่จิต ย่อมหมายรวมถึงโสภณเจตสิก (สภาพธรรมฝ่ายดีที่เกิดร่วมกับจิต เช่น ศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ เป็นต้น) ที่เกิดร่วมด้วย ถ้าหากไม่มีจิต และไม่มีโสภณเจตสิกแล้ว บุญก็เกิดไม่ได้ จิตเกิดขึ้นเป็นกุศลขณะใด ขณะนั้นเป็นบุญ เป็นการชำระจิตจากกุศล การทำบุญ ก็ควรที่จะเป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อความอยากติดข้องต้องการหวังผลของบุญ

บุญ จึงเป็นสภาพธรรมที่มีจริง ที่เกิดกับจิต ซึ่งขณะนี้ก็มีบุญเกิดได้ ในขณะที่สภาพธรรมที่ดีเกิดขึ้น มีความเข้าใจถูก คือ ปัญญาเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น จึงไม่ต้องไปแสวงบุญ เพราะบุญเกิดแล้วในขณะใด ก็เป็นบุญในขณะนั้น

หากแต่ว่าการเดินทางไปประเทศอินเดีย ด้วยจุดประสงค์ของความเข้าใจถูกที่ระลึกถึงพระคุณของพระรัตนตรัย ในสถานที่ที่ควรจะได้เห็น อันจะเป็นปัจจัยให้เกิดกุศลจิต เกิดศรัทธา เกิดบุญ และเกิดปัญญาความเข้าใจมากขึ้น เมื่อมีโอกาสได้ไปประเทศอินเดียและเป็นโอกาสของกุศลที่จะเจริญเพิ่มขึ้น เพราะมีความเข้าใจถูกแล้วในพระธรรม จึงเห็นค่าและควรในการไปไหว้ สักการะในสถานที่ที่เคยเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน แสดงพระธรรมครั้งแรก ย่อมจะเกิด กุศล บุญได้สำหรับผู้ที่มีความเห็นถูก จึงไม่ใช่เรื่องของการแสวงบุญที่ต้องการบุญ แต่ตอบแทนพระคุณ และเพื่อน้อมระลึกถึงคุณตามความเป็นจริง ในสถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงประทับอยู่ที่นั่นตามความเป็นจริง บูชาคุณด้วยการสนทนาธรรม ศึกษาพระธรรม และกุศลประการต่างๆ และจึงเกิด กุศล เกิดบุญในขณะนั้น โดยไม่ต้องไปแสวงหาบุญ แต่บุญเกิดขึ้นมาตามเหตุปัจจัยที่ได้สะสมความเข้าใจถูกมาเป็นสำคัญ ครับ

ขอเสริมในประเด็นการไปสังเวชนียสถานทั้ง 4 ที่ประเทศอินเดีย บางคนกล่าวว่า อยู่เมืองไทย หรือที่ไหนก็ระลึกถึงพระรัตนตรัยได้ แต่บางครั้งสติจะเกิด (กุศลจะเกิด) เพราะอาศัยการได้เห็นสถานที่ที่ควรเคารพบูชา คือสังเวชนียสถาน เป็นสถานที่ที่อัศจรรย์จริงๆ เพราะ

1. เป็นสถานที่ที่บุคคลผู้เลิศที่สุดได้ทรงอุบัติ (ประสูติ)

2. สถานที่ที่บุคคลหนึ่งดับกิเลสไม่มีเหลือเลยด้วยตนเอง ยากแค่ไหนที่กิเลสมีมากมายมหาศาล แต่ ณ สถานที่ตรงนั้น บุคคลหนึ่งดับกิเลสหมดบริสุทธิ์สิ้นเชิง ที่สำคัญได้เป็นบุคคลที่สูงสุด (เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ต้นโพธิ์) ประกอบด้วย พระญาณ (ปัญญา) เปรียบมิได้ และพระมหากรุณาคุณที่จะช่วยสัตว์โลก

3. สถานที่อีกแห่ง คือ สถานที่ที่มีผู้บรรลุตามพระองค์ ถ้าไม่มีผู้บรรลุตามคำสอนของพระองค์ ก็ไม่สามารถที่จะพิสูจน์ได้ว่าดับกิเลสได้จริง แต่สถานที่นั้นมีประจักษ์พยานที่สามารถดับกิเลสตามได้ เป็นสถานที่มหัศจรรย์แค่ไหน

4. สถานที่สุดท้ายคือ ที่พระองค์์ดับขันธปรินิพพาน จากที่เวียนว่ายตายเกิดมาจนนับประมาณไม่ได้ แต่มีบุคคลหนึ่งซึ่งดับกิเลสหมดแล้วและปรินิพพานดับขันธ์ไม่เหลือ ไม่ต้องเกิดอีกเลย ซึ่งความเกิดนำมาซึ่งทุกข์ทั้งปวง ดังนั้นตั้งแต่เป็นพระโพธิสัตว์ ยอมสละชีวิต บุตร ภรรยา ก็เพื่อดับความเกิด และช่วยสรรพสัตว์ ณ สถานที่ตรงนี้เองที่บุคคลผู้เลิศได้ดับขันธปรินิพพาน ไม่ต้องเกิดอีกเลย เป็นสถานที่ที่อัศจรรย์ยิ่ง ครับ

เกร็ดเล็กน้อยกับสังเวชนียสถาน

1. ทั้งสถานที่ทั้ง 4 แผ่นดินไหวได้เกิดขึ้น เมื่อเหตุการณ์แต่ละแห่งเกิดขึ้น

2. สถานที่ที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่ทรงละ

2.1. ที่ตรัสรู้ (โพธิบัลลังค์) พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสรู้ ณ จุดเดียวกันเสมอ

2.2. ที่แสดงพระธรรมจักร คือ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ประกาศธรรมจักรที่เดียวกันจุดนั้น

2.3. สถานที่วางแท่นปรินิพพาน ที่ต้นสาละคู่ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่ทรงละที่ตรงนั้น ที่เดิมเสมอ

3. เป็นเครื่องให้ระลึก สังเวชว่า แม้เราก็ต้องเกิด และตายแม้พระพุทธองค์ก็ทรงต้องเกิด และปรินิพพาน ควรตั้งใจศึกษาธรรม

4. เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส และเป็นไปเพื่อเกิดกุศลธรรม สำหรับผู้ที่สะสมความเข้าใจมา

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 6 ต.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สังเวชนียสถาน เป็นสถานที่อันบุคคลผู้มีศรัทธาพึงไป เป็นสถานที่มีจริงๆ ซึ่งมีในโลกมนุษย์เท่านั้น ไม่มีในสวรรค์และไม่มีในพรหมโลก สถานที่ดังกล่าวนั้น คือ สถานที่พระโพธิสัตว์ประสูติ ซึ่งจะเป็นการเกิดครั้งสุดท้าย ไม่มีการเกิดในภพใหม่อีกต่อไป สถานที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ สถานที่ทรงแสดงพระธรรมเทศนาเป็นครั้งแรก และสถานที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสด็จดับขันธปรินิพพาน นอกจากนั้นพุทธสถานอื่นๆ ก็ควรได้ไปกราบนมัสการเช่นเดียวกัน ทั้งหมดนั้นเพื่อการเจริญขึ้นของกุศลธรรม น้อมบูชาจริงๆ พร้อมด้วยการอบรมเจริญปัญญา แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้ไปก็ไม่ได้หมายความว่าบุญจะไม่เกิด เพราะบุญ เป็นธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ขึ้นอยู่กับว่าผู้นั้นจะเห็นคุณประโยชน์ของบุญหรือไม่

บุญ เป็นสภาพธรรมที่ชำระจิตให้สะอาด จากที่เป็นอกุศล ก็ค่อยๆ เป็นกุศลขึ้นในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากขณะที่จิตเป็นกุศล เป็นไปในทาน เป็นไปในศีล เป็นไปในการอบรมเจริญความสงบของจิต และเป็นไปในการอบรมเจริญปัญญา โดยที่ไม่มีตัวตนที่จะไปทำบุญ เพราะบุญอยู่ที่สภาพจิต จิตเป็นกุศลเป็นบุญ (ซึ่งก็สามารถกล่าวโดยโวหารของชาวโลกได้ว่า ผู้นั้น ผู้นี้ กระทำบุญ) ในทางตรงกันข้าม ถ้าจิตเป็นอกุศล ก็ไม่ใช่บุญ

ดังนั้น ผู้ที่เห็นประโยชน์ของการขัดเกลากิเลส ก็จะไม่ละเลยโอกาสในการเจริญกุศลประการต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หรือไปที่ไหนก็ตาม เพราะถ้ากุศลไม่เกิด ก็จะเป็นโอกาสให้อกุศลเกิดพอกพูนหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 6 ต.ค. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nopwong
วันที่ 7 ต.ค. 2557

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
tanrat
วันที่ 7 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
j.jim
วันที่ 7 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
orawan.c
วันที่ 7 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Dechachot
วันที่ 13 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 14 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
peem
วันที่ 26 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
nattawan
วันที่ 27 ต.ค. 2557

สถานที่ที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่ทรงละทั้ง 3 แห่ง คือ ที่ตรัสรู้ ที่แสดงพระธรรมจักร และที่วางแท่นปรินิพพาน เฉพาะพระพุทธเจ้าในภัทรกัปป์นี้ หรือสำหรับพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์คะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ