การที่เราไม่เป็นเพื่อนกับคนที่เคยทำร้ายเรา ถือว่าเราไม่มีเมตตารึเปล่าคะ

 
นิ้ง
วันที่  14 ต.ค. 2557
หมายเลข  25643
อ่าน  1,447

เมตตาคือความเป็นมิตร ความเป็นเพื่อน เพื่อนที่ดีย่อมเกื้อกูลเพื่อนให้เป็นคนดี และเราควรมีเมตตาโดยไม่ประมาณแก่สัตว์ทั้งหลาย แต่สำหรับคนที่เคยทำร้ายและเกือบทำลายชีวิตเรามาแล้ว แต่เราไม่ได้ติดใจถือสาเอาความแล้ว เพียงแต่โดยทั่วไปของปุถุชนที่ยังหนาไปด้วยกิเลส ก็ทำให้เกิดความรู้สึกขุ่นเคืองเกิดโทสะอ่อนๆ บ้าง เพียงแต่ไม่ได้คิดจะเอาเรื่องเอาความอะไรอีก แต่ก็ไม่เห็นความจำเป็นต้องลงไปคลุกคลีหรือให้ความเป็นเพื่อนแบบต้องทักทาย หรือพูดคุยกันอีกต่อไป เพราะรู้ดีว่าเขามีจริตอย่างไร เพียงแต่เป็นเพื่อนร่วมสังสารวัฏฏ์ก็พอ เช่นนี้ยังถือเป็นความรู้สึกติดข้องไหมคะ แล้วถือว่าเราเป็นคนไม่มีเมตตารึเปล่าที่ไม่ยอมพูดจาปราศรัยด้วย ไม่ยอมคลุกคลีด้วย ไม่ว่ากิจกรรมใดๆ หากถือเป็นการติดข้องด้วย ความขุ่นเคืองที่ยังเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ (แม้เพียงเล็กน้อย) เช่นนี้จะนำไปสู่การพบเจอเพื่อจองเวรกันไม่รู้จักจบสิ้นอีกหรือไม่คะ ส่วนตัวกลัวมากกับการต้องมาพบเจอกันอีก ไม่ว่าในรูปแบบใด ไม่ว่าจะเป็นเขาเอาคืนเรา เราเอาคืนเขา เอาคืนกันไปมาแบบนี้มันเหนื่อย ไม่จบ วนอยู่แบบนี้จนไม่รู้ว่าใครเริ่มก่อน จึงตัดสินใจที่จะไม่เอาความอะไร แม้ว่าในชาตินี้เราจะเป็นฝ่ายถูกกระทำก็ตาม แต่ด้วยความขุ่นเคืองที่ยังมีอยู่ภายในใจเพียงเล็กน้อย จะสามารถนำไปสู่การจองเวรในภพชาติต่อไปได้มั้ยคะ?

ขอกราบขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 14 ต.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เมตตา คือ ความเป็นมิตรเป็นเพื่อน เป็นสภาพธรรมที่ดีงาม ที่เกิดกับจิตที่ดีงาม ซึ่งในชีวิตประจำวันของปุถุชน โดยมากเป็นอกุศลส่วนใหญ่ แม้ไม่ใช่โทสะ ก็เป็นโลภะ ความติดข้อง และความไม่รู้ ที่ไม่รู้ความจริงของสภาพธรรม เพราะฉะนั้นบุคคลที่จองเวรโดยปรมัตถ์แล้วไม่มีเลย แต่สิ่งที่เป็นสภาพธรรมที่จองเวรคือ อกุศลจิตของตนเองที่เกิดขึ้นทั้งโลภะ โทสะ และโมหะที่จองเวร เกิดขึ้นกับตนเองเป็นประจำ เพราะฉะนั้น ขณะใดที่เกิดอกุศลจิต แม้โทสะ ก็ไม่ได้หมายความว่า จะมีคนหนึ่งคนใดที่จะต้องมาเจออีก จองเวร เพราะเมื่อตายแล้วก็เปลี่ยนภพภูมิ ส่วนอกุศลจิตที่เป็นโทสะ ก็เพียงสะสมเป็นอุปนิสัย ไม่ได้เป็นเหตุให้เกิดผลของกรรมที่จะได้พบคนไม่ดี ได้รับสิ่งที่ไม่ดี เพราะฉะนั้นจึงต้องมั่นคงว่า อกุศลต่างหากที่จองเวร ทั้งโลภะ และ โมหะ ผู้ที่เห็นโทษจึงไม่ประมาทในการศึกษาธรรม อบรมปัญญาต่อไป ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
tanrat
วันที่ 15 ต.ค. 2557

ถ้าหากว่าการฟังพระธรรมให้เข้าใจไม่สำคัญแล้วไซร้ ท่านอาจารย์ก็คงไม่เน้นให้กระทำ สังเกตได้ว่าหากมีคำถามใดเกิดขึ้น ท่านอาจารย์ก็จะลงท้ายว่าฟังพระธรรมให้เข้าใจ หรือขาดการฟัง ศึกษา ไตร่ตรองไม่ได้ คนที่สะสมปัญญามาจะไม่กล่าวอะไรๆ ที่ไม่เกิดประโยชน์แด่ผู้ถาม น่าพิจารณาไตร่ตรองให้มากๆ กับต้องขาดการฟังพระธรรมไม่ได้

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ประสาน
วันที่ 15 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
peem
วันที่ 15 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 15 ต.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง สิ่งที่มีจริง เป็นจริงแต่ละหนึ่งๆ โดยไม่ปะปนกัน กุศลเป็นกุศล จะเปลี่ยนให้กุศลเป็นอกุศลก็ไม่ได้ และอกุศลก็เป็นอกุศลเป็นสภาพธรรมที่ไม่ดี ไม่ว่าจะเกิดกับใครก็ตาม ความเป็นจริงของอกุศลธรรมไม่มีเปลี่ยน ในขณะที่ความโกรธ ความขุ่นเคืองใจเกิดขึ้น ตนเองเท่านั้นที่เป็นทุกข์

เป็นทุกข์เพราะกิเลสคือโทสะหรือความโกรธ คนอื่นจะทำให้ไม่ได้เลย โทสะมีหลายระดับขั้น ตั้งแต่เพียงขุ่นใจเพียงเล็กน้อยในใจ จนกระทั่งมีกำลังแรงถึงขั้นที่จะเบียดเบียนประทุษร้าย ฆ่าผู้อื่นได้ ซึ่งมีแต่โทษอย่างเดียวเท่านั้น เป็นเหตุนำมาซึ่งความทุกข์ความเดือดร้อนในภายหลัง ไม่ควรประมาท

ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม ไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้อบรมเจริญปัญญา ก็จะเป็นเหตุให้สะสมกิเลสประการต่างๆ เป็นอุปนิสัยที่หนาแน่นขึ้น จนยากที่จะแก้ไขได้ ดังนั้นการที่จะมีธรรมเป็นที่พึ่งได้นั้น จึงต้องศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา เพื่อความเข้าใจถูกในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง และขัดเกลากิเลสของตนเอง เมื่ออบรมเจริญปัญญา ความรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏถูกต้องตรงตามความเป็นจริงขึ้น ความโกรธ ความขุ่นเคืองใจ ก็จะค่อยๆ ลดน้อยลง แต่ว่ายังไม่ได้ดับอย่างเด็ดขาด จนกว่าจะถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล เพราะฉะนั้น กิเลสที่มีมาก ต้องอาศัยปัญญาเท่านั้นจึงจะดับได้ ถ้าไม่มีปัญญาก็ไม่สามารถดับกิเลสอะไรได้เลย ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 15 ต.ค. 2557

ในมงคลสูตร ท่านแสดงข้อที่หนึ่ง การไม่คบคนพาล ไม่คบไม่ได้หมายความว่าไม่มีเมตตา ไม่คบแต่อนุเคราะห์ได้ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
thilda
วันที่ 15 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ดวงทิพย์
วันที่ 16 ต.ค. 2557

จิตเป็นที่สั่งสมกรรม..กิเลส...วิบาก....

เราไม่มีเขาไม่มี..มีแต่ธรรม..มีแต่ธาตุ...คือ จิต เจตสิก และรูปค่ะ

สาธุขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 17 ต.ค. 2557

การกระทำ คำพูด หรือความคิด ปุถุชนทั่วไปเป็นไปได้ทั้งกุศลและอกุศลคนอื่นไม่สามารถทราบได้อย่างแท้จริงนอกจากตนเอง..ถ้าไม่ศึกษาพระธรรมก็ยังแยกแยะไม่ได้

กุศลเป็นสภาพธรรมที่ดีให้ผลที่ดี..อกุศลเป็นสภาพที่ไม่ดีให้ผลไม่ดี..ไม่คบแต่เป็นมิตร ที่อนุเคราะห์และหวังดีได้..แต่ไม่คบเพราะกลัวว่าจะนำความเดือดร้อนมาให้หรือโกรธเป็นอกุศล..พระธรรมสอนไม่ให้ประมาทแม้อกุศลเพียงเล็กน้อย

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
แต้ม
วันที่ 5 ก.พ. 2558

อานิสงส์แห่งการฟังธรรมเนืองๆ จะทำให้เรามีสติอยู่ตลอดเวลา เหมือนมีคนคอยเตือนเรา

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ