พระสูตรเล่มไหนยืนยันว่าการได้ไปกราบไหว้สังเวชนียสถานแล้วไม่ลงอบายบ้างครับ

 
สืบต่อพุทธ
วันที่  15 ต.ค. 2557
หมายเลข  25646
อ่าน  1,257

เรียนอาจารย์ ไม่ทราบว่าพระสูตรเล่มไหนยืนยันว่าการได้ไปกราบไหว้สังเวชนียสถานแล้วไม่ลงอบายบ้างครับ และที่ได้ฟังเทศน์มหาชาติ 13 กัณฑ์แล้ว จะได้ไปฟังธรรมต่อหน้าพระพักตร์พระศรีอริยเมตไตรครับ ตามความเข้าใจของผม ต้องมีหลายปัจจัยประกอบกันใช่ไหมครับ

ขอบคุณครับ และอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 15 ต.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"ก็ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง เที่ยวจาริกไปยังเจดีย์ (สังเวชนียสถาน) มีจิตเลื่อมใสแล้ว จักทำกาละลง ชนเหล่านั้นทั้งหมด เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ฯ"

[เล่มที่ 13] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ หน้าที่ 308

สังเวชนียสถาน เป็นสถานที่อันบุคคลผู้มีศรัทธาพึงไป เป็นสถานที่มีจริงๆ ซึ่งมีในโลกมนุษย์เท่านั้น ไม่มีในสวรค์และไม่มีในพรหมโลก สถานที่ดังกล่าวนั้น คือสถานที่พระโพธิสัตว์ประสูติ ซึ่งจะเป็นการเกิดครั้งสุดท้าย ไม่มีการเกิดในภพใหม่อีกต่อไป สถานที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ สถานที่ทรงแสดงพระธรรมเทศนาเป็นครั้งแรก และสถานที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสด็จดับขันธปรินิพพาน

สภาพธรรม เป็นสิ่งที่ตรง เพราะเป็นสัจจะ กุศลกรรม ย่อมให้ผลที่ดี ไม่เปลี่ยนแปลงมีการเกิดในสุคติโลกสวรรค์ เป็นต้น อกุศลกรรม ย่อมให้ผลที่ไม่ดี ไม่เปลี่ยนแปลงมีการเกิดในอบายภูมิ เป็นต้น

จากข้อความ ที่พระองค์ตรัสไว้ในการเที่ยวจาริกไปในสังเวชนียสถาน มีจิตเลื่อมใสนั่นก็คือ มีศรัทธา ที่เป็นสภาพธรรมฝ่ายดี เกิดกับจิตที่เป็นกุศล ดังนั้น ขณะนั้นเป็นกุศลที่ไปไหว้ ไปน้อมระลึกถึงพระคุณที่สังเวชนียสถาน เพราะฉะนั้น เมื่อเป็นกุศลจิตและมีการกระทำทางกาย วาจา ที่มีจิตเลื่อมใสในสังเวชนียสถาน ก็เป็นกุศลกรรม เมื่อกุศลกรรม คือ การมีจิตเลื่อมใสในสังเวชนียสถานให้ผล ก็ทำให้เกิดในสุคติโลกสวรรค์ นี่คือ ความเป็นธรรมดา แน่นอนที่ไม่เปลี่ยนแปลงว่า ธรรมใดเป็นกุศล เมื่อกุศลให้ผลก็ต้องไปเกิดในภพภูมิที่ดี แต่ธรรมเป็นเรื่องละเอียด เพราะการให้ผลของกรรม มีกาลเวลา และมีแตกต่างกันไป กรรมบางอย่างให้ผลในชาตินี้ กรรมบางอย่างให้ผลในชาติหน้า กรรมบางอย่างให้ผลในชาติที่ 2 และชาติถัดๆ ไป และกรรมบางอย่าง ไม่มีโอกาสให้ผลก็มีครับ ดังนั้น จึงไม่ได้หมายความว่า เมื่อไปกราบไหว้สังเวชนียสถานแล้ว ในชาตินี้ ชาติต่อไป ก็จะไปเกิดในสวรรค์ทุกๆ คน ธรรมเป็นอนัตตา แล้วแต่ครับว่า กรรมใดจะให้ผล อาจเป็นกรรมชั่วที่มีกำลังให้ผลก่อนก็ได้ครับ เช่น เมื่อไหว้สังเวชนียสถานแล้ว เวลาต่อมา มีการทำอนันตริยกรรม มีการฆ่า บิดา มารดา กรรมที่เป็นอนันตริยกรรมย่อมให้ผลก่อน คือ ในชาติต่อไปทันที ไปเกิดในนรก ทันทีเพราะกรรมนั้น แม้จะทำกรรมดีมากมายอย่างไรก็ตามครับ

นี่แสดงถึงการให้ผลของกรรม มีความละเอียด ซับซ้อนเพราะสภาพธรรม เกิดจากเหตุปัจจัยหลายๆ ประการครับ จึงไม่จำเป็นครับว่าเมื่อไปไหว้สังเวชนียสถานแล้ว ชาติต่อไปจะไปเกิดบนสวรรค์ แต่พระพุทธองค์แสดงเหตุตามความเป็นจริงไว้ว่า ผู้ที่มีจิตเลื่อมใส ไปสังเวชนียสถาน ทำกุศลกรรมไว้ ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เมื่อกรรมนั้นให้ผล เมื่อแตกกายตายไป ซึ่งอาจจะเป็นชาตินี้ หรือไม่ใช่ หรือ ชาติต่อไป แต่ถ้ากรรมดีให้ผลย่อมให้ผลดีแน่นอน พระพุทธองค์จึงทรงแสดงตามเหตุผล ที่ตรงตามความเป็นจริงครับ ดังเช่นสหายธรรมท่านหนึ่ง ถามถึงเรื่องนี้ที่ว่า

ดิฉันได้มีโอกาสเรียนถามท่านอาจารย์สุจินต์ในเรื่องนี้ว่า "จริงหรือไม่ ที่มีผู้กล่าวว่าหากผู้ใด ได้มากราบนมัสการสังเวชนียสถานครบทั้ง ๔ ที่จะมีสุคติเป็นที่ไป"

ท่านอาจารย์สุจินต์กล่าวตอบว่า " กุศล นำไปสู่สุคติค่ะ"ส่วนอานิสงส์การเทศน์มหาชาติ ควรเข้าใจครับว่า เหตุที่ดีมี คือ กุศลจิต และกุศลรรม เหตุที่ไม่ดีก็มี คือ อกุศลจิตและอกุศลกรรม กุศลกรรมเมื่อกระทำแล้ว เมื่อให้ผลก็ย่อมได้รับสิ่งที่ดี เช่นเกิดในภพภูมิที่ดีได้พบสิ่งที่ดีๆ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย กุศลกรรมแบ่งเป็นหลายประเภท เช่น บุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ แบ่งเป็นใหญ่ๆ คือ ทาน ศีล ภาวนา ซึ่งเรื่องการฟังพระธรรมก็เป็นกุศลประการหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 ประการครับ

ซึ่งจากคำที่กล่าวมานั้นที่ว่า เมื่อฟังเทศน์มหาชาติจบวันเดียวครบ 13 กัณฑ์ จะได้อานิสงส์ประการต่างๆ นั้น เรียนว่า ไม่เป็นไปตามอย่างนั้น อย่างที่เข้าใจกันครับ เช่นประเด็นการจะได้พบพระศรีอริยเมตไตรย์ ไม่มีใครทราบนอกจากพระพุทธเจ้าเท่านั้นว่าเพราะผลของกรรมนี้จะทำให้เกิดเป็นบุคคลนี้ และพยากรณ์ว่าจะได้เกิดในสมัยพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปเพราะกรรมนี้ กรรมจึงไม่จำเพาะเจาะจงไปครับว่า หากฟังเทศน์มหาชาติครบ วันเดียว จะได้พบพระศรีอริยเมตไตรย์ ไม่ใช่ครับ เพราะในความเป็นจริงก่อนจะถึงสมัยนั้นเราไม่รู้เลยว่ากรรมใดจะให้ผลก่อน และอาจจะทำอนันตริยกรรมก่อนก็ได้ในชาติต่อๆ ไป เพราะยังเป็นปุถุชน เมื่อทำอนันตริยกรรมแล้วก็ต้องตกนรกตลอด

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 15 ต.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็นไปเพื่อละตั้งแต่ต้น ละความติดข้องต้องการ รวมถึงกิเลสประการอื่นๆ ด้วย ที่จะสอนให้ติดข้องยินดีพอใจนั้น ย่อมไม่ใช่คำสอนของพระองค์อย่างแน่นอน

ตราบใดที่ยังมีกิเลส ยังไม่ได้ดับกิเลสกิเลสใดๆ ได้เลย ยังไม่รอดพ้นจากการเกิดในอบายภูมิ เพราะถ้ากระทำอกุศลกรรม เมื่อถึงคราวที่อกุศลกรรมให้ผล ก็ทำให้เกิดในอบายภูมิได้ แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าสะสมความดี ซึ่งเป็นกุศลประการต่างๆ บ่อยๆ เนืองๆ โอกาสที่กุศลจะให้ผล ทำให้เกิดในสุคติภูมิ ก็มีได้เช่นเดียวกัน ซึ่ง ธรรมทั้งสองประเภทนี้มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะอกุศลหรือบาปธรรมนำไปสู่อบายภูมิ มีนรก เป็นต้น ส่วนกุศลธรรมนำไปสู่สุคติ เหตุย่อมสมควรแก่ผล เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยทั้งสิ้น
สำหรับในประเด็นเรื่องการฟังเทศน์มหาชาติ ควรที่จะได้พิจารณาว่า ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า เทศน์ คืออะไร? มหาชาติ คืออะไร? เทศน์หรือเทศนา หมายถึง การแสดงส่วนมหาชาตินั้น หมายถึง พระชาติที่พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญพระบารมี เมื่อเกิดเป็นพระเวสสันดร เป็นพระชาติที่พระองค์ทรงบำเพ็ญพระบารมี คือทรงบำเพ็ญมหาทานทรงบริจาคบุตร ภรรยา อันเป็นที่รักของพระองค์ ทรงบริจาคสิ่งอันเนื่องกับพระองค์เพื่อเป็นเหตุเป็นปัจจัยแก่การบรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และก็ทรงบำเพ็ญครบทั้ง ๑๐ บารมีด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ทานบารมีอย่างเดียวเท่านั้น ก่อนที่พระองค์จะได้ไปเกิดเป็นเทพบุตรในสวรรค์ชั้นดุสิต ต่อจากนั้นก็เคลื่อนจากความเป็นเทพบุตร ทรงมาเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ เสด็จออกผนวช และได้ทรงบรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในที่สุด

ดังนั้น เทศน์มหาชาติ ก็คือการแสดงเวสสันดรชาดกนั่นเอง เมื่อมีผู้เทศน์หรือผู้แสดงก็ต้องมีคนฟัง ผู้ฟังพระธรรมเทศนาในส่วนดังกล่าวนั้นชื่อว่า ฟังเทศน์มหาชาติตามความเป็นจริงแล้ว เวสสันดรชาดก พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแก่พระอรหันต์สองหมื่นรูปและพระประยูรญาติที่มหาวิหารนิโครธาราม กรุงกบิลพัสดุ์ เมื่อครั้งที่พระ-องค์เสด็จไปโปรดพระเจ้าสุทโธทนะพระพุทธบิดาและพระประยูรญาติ โดยทรงทำฝนโบกขรพรรษให้เป็นเหตุ จึงตรัสชาดกดังกล่าวนี้

เวสสันดรชาดก เป็นชาดกที่ยาวมาก เป็นหนึ่งในมหานิบาตชาดก ประกอบด้วยพระคาถา ๑,๐๐๐ พระคาถา
การฟังการศึกษาพระธรรม ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดก็ตาม ก็เพื่อเข้าใจธรรมตามความเป็นจริง พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น เป็นประโยชน์เกื้อกูลสำหรับผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษา และมีความเข้าใจไปตามลำดับ ซึ่งสัตว์โลกที่ได้รับประโยชน์จากการแสดงพระธรรมของพระองค์มีมากมายนับไม่ถ้วน

การแสดงเวสสันดรชาดกในยุคปัจจุบันนี้ ถ้าจะให้ได้ประโยชน์จริงๆ ทั้งสองฝ่ายคือ ทั้งผู้แสดงและผู้ฟัง ควรอย่างยิ่งที่จะนำข้อความโดยตรงจากพระไตรปิฎกมาแสดงด้วยคำพูดธรรมดา เปิดโอกาสให้ซักถาม เป็นการสนทนาเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งจะต้องถือเอาแบบอย่างที่ดีจากบุคคลผู้เลิศที่สุดในโลก คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงบำเพ็ญบารมีมา เพื่อประโยชน์เกื้อกูลสัตว์โลกให้หลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง ด้วยการแสดงพระธรรมให้สัตว์โลกได้เข้าใจตามความเป็นจริงโดยไม่ทรงต้องการอย่างอื่นเลยในการทรงแสดงพระธรรมแต่ละครั้ง นอกจากให้ผู้ฟังได้เข้าใจธรรม เป็นปัญญาของผู้ฟังเองเท่านั้นจริงๆ

และควรที่จะได้พิจารณาเพิ่มเติม คือ มหาชาติ หรือชาติใหญ่ๆ ของพระโพธิสัตว์ไม่ใช่มีเพียงชาติที่เป็นพระเวสสันดรเท่านั้น ยังมีอีกหลายชาติ เช่น สมัยเป็นพระมหาชนก เนมิราช สุวรรณสาม พระเตมีย์ มโหสถ วิธุรบัณฑิต เป็นต้น ก็เป็นชาติใหญ่ที่ควรนำมาแสดงด้วย ควรศึกษาด้วยเช่นเดียวกัน

การแสดงพระจริยาวัตรของพระโพธิสัตว์ในพระชาติต่างๆ รวมถึงพระชาติใหญ่ๆ (มหาชาติ) มีเวสสันดรชาดก เป็นต้น นั้น เป็นการแสดงธรรมเพื่อประโยชน์ของผู้ฟังจะได้เข้าใจในสิ่งที่ได้ฟังตามความเป็นจริง โดยไม่ได้จำกัดเลยว่า จะต้องเป็นช่วงใด เพราะเหตุว่า การแสดงธรรม หรือ การสนทนาธรรม รวมถึงการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม จะเป็นช่วงเวลาใด ก็เป็นประโยชน์ทั้งนั้น ตามการสะสมของแต่ละบุคคลและไม่ใช่เพียงแค่ชาดกเท่านั้นที่ควรแสดงหรือควรศึกษา แต่ควรศึกษาทุกส่วนทั้งในส่วนของพระวินัย พระสูตรอื่นๆ และ พระอภิธรรม เพราะทั้งหมดนั้น เมื่อศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นแห่งปัญญาอย่างแท้จริง และถ้าไม่สนใจฟังพระธรรมตั้งแต่ในขณะนี้ พอถึงกาลสมัยของพระพุทธเจ้า พระองค์ต่อไปจะฟังได้อย่างไร ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
สืบต่อพุทธ
วันที่ 16 ต.ค. 2557

ขอบคุณครับ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนามิครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Dechachot
วันที่ 16 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 16 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนา อ.ผเดิม และ อ.คำปัน ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
รู้จบลงที่รู้
วันที่ 16 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ประสาน
วันที่ 17 ต.ค. 2557

การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Boonyavee
วันที่ 18 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
wirat.k
วันที่ 19 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 23 มิ.ย. 2564
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ