หทัยวัตถุ กับ กายปสาทะ เหมือนกันหรือแตกต่างกัน คะ

 
Pugwaree
วันที่  27 ต.ค. 2557
หมายเลข  25692
อ่าน  3,591

ต้องกราบขออภัยนะคะที่รบกวน คือหนูอยากทราบความหมายของคำว่า หทัยวัตถุกับกายปสาทะ และทั้งสองอย่างนี้ แตกต่างกันหรือเหมือนกันคะ ต้องขอโทษนะคะที่หนูรบกวน


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 27 ต.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ตามสัจจะที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง จิต และเจตสิกเมื่อเกิดขึ้น จะต้องมีที่เกิดขึ้น ที่เป็นที่เกิดของจิตและเจตสิก ที่เกิดของจิตและเจตสิก เรียกว่า วัตถุ ซึ่งวัตถุที่เป็นที่เกิดของจิตและเจตสิก มี ๖ เรียกว่า วัตถุ ๖ มีดังนี้

จักขุปสาทรูป เป็นที่เกิดของจิตเห็น (จักขุวิญญาณจิต ๒ ดวง)

โสตปสาทรูป เป็นที่เกิดของจิตได้ยิน (โสตขวิญญาณจิต ๒ ดวง)

ฆานปสาทรูป เป็นที่เกิดของจิตได้กลิ่น (ฆานวิญญาณจิต ๒ ดวง)

ชิวหาปสาทรูป เป็นที่เกิดของจิตได้กลิ่น (ชิวหาวิญญาณจิต ๒ ดวง)

กายปสาทรูป เป็นที่เกิดของจิตรู้กระทบสัมผัส (กายวิญญาณจิต ๒ ดวง)

หทยรูป เป็นที่เกิดของจิตที่เหลือทั้งหมด นอกเหนือจาก ทวิปัญจวิญญาณจิต ๑๐ ดวงตามที่ กล่าวมา เพราะฉะนั้น หทยวัตถุ คือ หทยรูป ที่เป็นรูปที่เป็นที่เกิดของจิตประเภทต่างๆ

ส่วนกายปสาทรูป กาย (กาย) + ปสาท (ใส , ผ่องใส) + รูป (เสื่อมสลาย,ไม่รู้อารมณ์) รูปที่มีความผ่องใสคือกาย หมายถึง รูปที่เกิดจากกรรม ที่มีความผ่องใส สามารถรับกระทบโผฏฐัพพารมณ์ มีสัณฐานเหมือนร่างแห ซึมซาบอยู่ทั่วร่างกาย เว้นปลายผม ขน เล็บ หนังที่หนา และส่วนที่ไม่มีความรู้สึก ทำหน้าที่ได้ ๒ อย่าง คือ...

๑. เป็นกายวัตถุ ที่เกิดของกายวิญญาณ ๒ ดวง

๒. เป็นกายทวาร ทางรู้อารมณ์ของกายทวารวิถีจิต

หทยรูปและกายปสาทรูป เหมือนกันตรงที่เป็นสภาพธรรมที่เป็นรูปธรรมแต่ต่างกันตรงที่เป็นที่เกิดของจิตต่างกัน คือ กายปสาทรูป เป็นที่เกิดของจิตที่เป็นกายวิญญาณจิต ๒ ดวงเท่านั้น ส่วน หทยรูป เป็นที่เกิดของจิตได้มากกว่ามาก ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 27 ต.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ถ้ากล่าวถึงความเป็นรูปธรรม คือ สภาพธรรมที่ไม่รู้อะไรแล้ว หทยวัตถุ กับกายปสาทะ ต่างก็เป็นรูปธรรม แต่เป็นรูปธรรมคนละประเภทกัน เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นรูปที่เกิดจากกรรม ใครๆ ก็ไม่สามารถทำให้ หทยวัตถุ และ กายปสาทะเกิดได้

ในภูมิที่มีรูป จิตและเจตสิกธรรมที่เกิดร่วมด้วย จะต้องเกิดที่วัตถุรูปหนึ่งรูปใดใน ๖ วัตถุรูปได้ แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และ หทยวัตถุ ตามควรแก่จิตประเภทนั้นๆ แสดงถึงความเป็นจริงของธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงๆ เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 27 ต.ค. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
tanrat
วันที่ 28 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ประสาน
วันที่ 28 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
peem
วันที่ 28 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Pugwaree
วันที่ 28 ต.ค. 2557

ขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
peem
วันที่ 29 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 8 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
pm_pimpa25
วันที่ 28 ธ.ค. 2564

ขอถามเพื่มเติมจากข้างบนค่ะว่า ทำไมจิตที่เกิดจากรูปทางทวารทั้งห้าจึงมีอย่างละสองดวงคะ มันแบ่งเป็นกุศลกับอกุศล หรือแบ่งยังไงคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 29 ธ.ค. 2564

เรียนความเห็นที่ 10 ครับ

ข้อความบางตอนจากกระทู้ ...

ไม่เข้าใจ .. ทวิปัญจวิญญาณ

เหตุผลที่มี สองดวง ไม่ใช่ดวงเดียว เพราะเหตุว่า ผลของกรรม ที่เป็นจิตเห็น จิตได้ยิน เป็นต้น ที่เป็นวิบาก ก็มีทั้งเห็นสิ่งที่ดี ที่เกิดจากกุศลกรรมให้ผล จึงทำให้เห็นสิ่งที่ดี และ ก็ต้องมีการเห็นสิ่งที่ไม่ดี ซึ่งเป็นผลของอกุศลกรรมให้ผล จึงทำให้เห็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะฉะนั้น ที่มีสองดวง ไม่ใช่ดวงเดียว เพราะการทำเหตุ ก็ต้องมีทั้งสองอย่าง คือ กุศลกรรม และ อกุศลกรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 29 ธ.ค. 2564

อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร

ขอเชิญศึกษาพระธรรม...

รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์

พระไตรปิฎก

ฟังธรรม

วีดีโอ

ซีดี

หนังสือ

กระดานสนทนา

การที่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ทำให้มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหูทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จิตทุกขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หมดไป ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ควรสั่งสมไปทุกภพทุกชาติ นั่นก็คือ กุศล (รวมถึงการอบรมเจริญปัญญา ในชีวิตประจำวันด้วย)

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ