(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย 4 พระวิหารเชตวันในสายฝน
พระวิหารเชตวันในสายฝน
ระหว่างทางจากลัคเนาว์มาสาวัตถี วิทยากรประจำรถบัสคันที่ 4 สีเขียว รศ.สงบ เชื้อ ทอง ได้นำสวดมนต์นอบน้อมพระรัตนตรัยในดินแดนพุทธภูมิ (ซึ่งทำเป็นกิจวัตรทุกครั้งที่ออก เดินทาง) และอธิบายที่มาของการสวด นโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะ พร้อม ทั้งอธิบายบทสวดบูชาพระรัตนตรัยเป็นภาษาไทยให้ผู้ร่วมเดินทางเข้าใจความหมาย เพื่อให้เกิดกุศลจิตมีศรัทธาในพระรัตนตรัยยิ่งขึ้น แล้วได้บรรยายถึงประวัติและความสำคัญของ สถานที่ต่างๆ ที่จะได้ดูได้ชมในสาวัตถี ตั้งแต่พระวิหารเชตวัน บ้านท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี บ้านปุโรหิตบิดาของท่านพระองคุลีมาล สถานที่พระเทวทัตถูกธรณีสูบ สถานที่แสดงยมก ปาฏิหาริย์ วัดบุพพารามของท่านวิสาขามหาอุบาสิกา (รายละเอียดเล่าไว้แล้วใน “อินเดีย ... แดนพุทธภูมิ อ่านได้จาก www.dhammahome.com หนังสือ - Ebook - เส้นทางสายธรรม ซึ่งค้นมาจากพระไตรปิฎกและอรรถกถา คนหนึ่งเล่า อีกคนหนึ่งเขียน ข้อมูลมาจาก แหล่งเดียวกัน ไม่ได้คิดเอง อย่ารังเกียจที่จะฟังหรือจะอ่านเลยค่ะ)
เมื่อไปถึงสาวัตถี เข้าไป พักที่โรงแรมนิคโก้โลตัสรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ก็เตรียมตัวไปเวียนเทียนที่พระ คันธกุฎี ในพระวิหารเชตวันตอนบ่ายสามโมง แต่ฝนยังตกอยู่ คิดว่าอาจจะเลื่อนไปเป็นวันรุ่ง ขึ้น แต่ท่านอาจารย์ยืนยันด้วยความเมตตาคนมาใหม่ว่า โปรแกรมเหมือนเดิม เพราะถ้ากลัว ฝน พรุ่งนี้ฝนอาจจะตกอีก คนที่ไม่เคยมาพระเชตวันก็จะไม่ได้เข้าไปกราบและเวียนเทียนรอบ พระคันธกุฎี จึงเตรียมตัวไปกัน จะเห็นศรัทธาของแต่ละท่านนั้นไม่เหมือนกัน บางท่านขึ้นรถ ไปดูก่อนว่า ไปถึงพระเชตวันฝนอาจจะหยุด แต่บางท่านไม่ยอมขึ้นรถเลย ขอนอนพักที่ โรงแรม
เราเป็นกลุ่มศรัทธาปานกลาง ขึ้นรถไปวิหารพระเชตวันก่อน ไปถึงแล้วก็ว่ากันใหม่ว่า จะลงหรือไม่ลงจากรถ จากโรงแรมนิกโก้โลตัสใช้เวลาไม่นานก็ถึงวิหารพระเชตวัน แต่คราวนี้ รถไม่จอดตรงประตูทางเข้าที่เคยจอด วิ่งอ้อมไปอีกทางหนึ่ง แล้วก็จอดตรงกำแพงสีน้ำตาล มีป้อมยามเล็กๆ ไม่มีขอทานและร้านขายของมากมายเหมือนที่เคยมาเลย คิดเอาเองว่า ฝนตกหนัก มีพายุ ทุกคนคงอยู่ในแต่ในบ้าน พอไปถึงมีผู้สื่อข่าวประจำรถมาบอกว่า ท่านอาจารย์ เวียนเทียนประทักษิณรอบพระคันธกุฎีท่ามกลางสายฝน ผู้มีศรัทธาแรงกล้าลงจากรถเกือบหมด แต่เราผู้มีศรัทธาคลอนแคลนหวั่นไหวลังเลใจ แต่พอบอกให้ถอดรองเท้าในรถ เราถอดรองเท้าแล้วเดินลงไปสัมผัสพื้นเฉอะแฉะเย็นเฉียบ เลยเปลี่ยนใจกลัวเป็นไข้หวัด สละร่มให้ผู้ มีศรัทธาแก่กล้าไปเวียนเทียนแทน แล้วก็นั่งชะเง้อคอดูท่านทั้งหลายในพระวิหารเชตวัน
คอยนานพอสมควร ท่านอาจารย์ก็ออกมาขึ้นรถเป็นคนแรกด้วยท่าทางหน้าตาแจ่มใส คนอื่นขึ้นรถ มาบอกว่า ดีมากๆ เวียนเทียนท่ามกลางสายฝน ไม่หนาวเย็นเลย รู้สึกชุ่มชื่นเหมือนเทวดา รดน้ำมนต์ให้ ฟังแล้วอนุโมทนาในศรัทธาที่แรงกล้าของท่าน และก็เสียดายที่จิตไม่มั่นคง พอที่จะตากฝน เพราะหาได้ยากมากที่มาพระเชตวันแล้วจะเจอฝนตก แล้วยังได้เวียนเทียนอีก ปลอบใจตัวเองว่า ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ก็มาเวียนเทียนตอนเช้าอยู่ดี เห็นความเป็นอนัตตาของ สภาพธรรมะทั้งหลายไหมว่า อยากจะทำแต่ก็ไม่ได้ทำ
โคมประทีปที่คุณโจ จรัญ และคุณสายฝน ปานุราช มอบให้มูลนิธิฯมาเจริญกุศลที่ อินเดีย ก็ได้นำมาบูชาคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วเป็นแห่งแรกที่พระวิหารเชต วัน พวกเราทุกคนขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณโจและคุณฝน ขอให้กุศลนี้เป็นปัจจัยให้ทั้ง สองท่านเจริญมั่นคงในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปเทอญ
นอกจากนั้นน้องแอ๊ว นภา จันทรางศุ นางฟ้าใจดีประจำบัส 4 ยังนำช่อดอกไม้มา ตบแต่งโคมประทีปให้สวยงามยิ่งขึ้น จิตของเธอช่างวิจิตรในการเจริญกุศลจริงๆ มิน่าล่ะ ถึง ได้งามทั้งกายและใจอย่างนี้เอง อนุโมทนาในกุศลที่ทั้งแจกอาหารว่างในรถ ดอกไม้ประดับ โคม และร้องเพลงขับกล่อมค่ะ มีอีกหลายท่านที่นำอาหารว่างมาแจก เช่น น้องเบญจวรรณ รัศมีสุวรรณกุล เป็นต้น นักร้องก็มีอีกหลายท่าน เช่น น้องตู๋ น้องน้อย พัทนารี คุณหน่อย คุณธร คุณสุดใจเป็นต้น
วันรุ่งขึ้นท่านอาจารย์สนทนาธรรมที่โรงแรมปาวันพาเลซที่ท่านและคณะ 75 คนพัก อยู่ บางกลุ่มก็ไปเที่ยวชมสถานที่สำคัญ และเวียนเทียนรอบพระคันธกุฎี คงเดาได้ว่า เราอยู่ กลุ่มไหน ต้องทำหน้าที่รายงานข่าวจึงต้องสำรวจสถานที่แม้ว่าจะมาหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ ทุกอย่างไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมทั้งพระวิหารเชตวันด้วย จึงได้เห็นว่า พระ เจดีย์สีทององค์ใหญ่ที่ศรัทธาของคนไทยมาสร้างไว้ ส่วนทางเข้าพระเชตวันนั้นเป็นด้าน หลัง เดินเข้าไปก็ถึงธัมมสภาทางด้านซ้าย พระคันธกุฏีทางด้านขวา และต้นโพธิ์พระอานนท์ ก็ต้องเดินไกลออกไปทางประตูที่เคยเป็นทางเข้า ไม่มีร้านขายของหรือคนขอทานเลย ทั้งๆ ที่ วันนี้ฝนไม่ตก ดูเงียบสงบกว่าทุกครั้งที่ไป ทางการอินเดียคงจัดการให้เป็นระเบียบขึ้น (อันนี้ คิดเอาเอง เพราะแม้แต่ยามก็บอกว่า ผมเป็นยาม พร้อมแบมือขอเงิน)
คุณแอ๊ว นภา จันทรางศุ นางเอกประจำบัส 4 หลังฝนตกท้องฟ้าแจ่มใส อากาศก็สดชื่น ไม่มีฝุ่นละอองมากเหมือนเดิม ได้เดินประ ทักษินรอบพระคันธกุฎีด้วยความปีติที่ได้มากราบพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกครั้งหนึ่งที่ พระวิหารเชตวันที่ทรงจำพรรษาอยู่ถึง ๑๙ พรรษา ทรงแสดงพระธรรมวินัยมีผู้บรรลุคุณวิเศษ เป็นพระอริยบุคคลมากมาย ทั้งเทวดาและมนุษย์ วิทยากรได้เล่าพระสูตรสำคัญที่แสดงที่ธัมม สภา พระวิหารเชตวัน เช่น มงคลสูตร พระสูตรสำคัญที่ชาวพุทธทุกคนต้องเคยได้ยินได้ฟัง เป็นภาษาบาลี อาจจะไม่เข้าใจความหมายและที่มาของพระสูตรนี้ ขออนุญาตเล่าย่อๆ ให้ฟัง นะคะ
ในสมัยที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้แล้วนั้น ผู้คนต่างพากันถามว่าอะไรเป็นมงคล ท่านหนึ่งถือว่า รูปที่เห็นแล้วเป็นมงคล อีกท่านถือว่า เสียงที่ได้ยินแล้วเป็นมงคล อีก ท่านถือว่า อารมณ์ที่ทราบแล้วเป็นมงคล ทั้ง 3 ท่านไม่สามารถทำให้ความเห็นของตนป็นที่ ยอมรับของคนอื่นได้ ปัญหาเรื่องมงคลจึงแพร่ขยายไปทั่วชมพูทวีป ชาวบ้านก็แบ่งกันถือ ความเห็นเรื่องมงคลเป็นพวกๆ จนถึงเทวดาและพรหม ไม่มีใครตอบปัญหาเรื่องมงคลได้ เป็น มงคลโกลาหลถึง 12 ปี จึงพากันไปหาท้าวสักกะจอมเทพให้ตัดสิน
ข้อความในพระไตรปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ มงคลสูตร มีว่า
ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถ บิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล ครั้นปฐมยามล่วงไปเทวดาตนหนึ่งมีรัศมีงาม ยิ่งนัก ยังพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวาย บังคมแล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
(น้องหนิงและหลานวิไลกราบพระพุทธเจ้า ณ สถานที่แสดงยมกปาฏิหาริย์)
เทวดาและมนุษย์เป็นอันมาก ผู้หวังความสวัสดี ได้พากันคิดมงคลทั้งหลาย ขอ พระองค์จงตรัสอุดมมงคล
พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถาตอบว่า
การไม่คบคนพาล ๑ การคบบัณฑิต ๑ การบูชาบุคคลที่ควรบูชา ๑ เป็นอุดมมงคล
การอยู่ในประเทศอันสมควร ๑ ความเป็นผู้มีบุญอันกระทำแล้วในกาลก่อน ๑ การตั้งตนไว้ ชอบ ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
พาหุสัจจะ ๑ ศิลปะ ๑ วินัยที่ศึกษาดีแล้ว ๑ วาจาสุภาษิต ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
การบำรุงมารดาบิดา ๑ การสงเคราะห์บุตรภรรยา ๑ การงานอันไม่อากูล ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
ทาน ๑ การประพฤติธรรม ๑ การสงเคราะห์ญาติ ๑ กรรมอันไม่มีโทษ ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
การงดการเว้นจากบาป ๑ ความสำรวมจากการดื่มน้ำเมา ๑ ความไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
ความเคารพ ๑ ความประพฤติถ่อมตน ๑ ความสันโดษ ๑ ความกตัญญู ๑ การฟังธรรมโดย กาล ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
ความอดทน ๑ ความเป็นผู้ว่าง่าย ๑ การได้เห็นสมณะทั้งหลาย ๑ การสนทนาธรรมโดยกาล ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
ความเพียร ๑ พรหมจรรย์ ๑ การเห็นอริยสัจ ๑ การกระทำนิพพานให้แจ้ง ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
จิตของผู้ใดอันโลกธรรมทั้งหลายถูกต้องแล้วย่อมไม่หวั่นไหว ๑ ไม่เศร้าโศก ๑ ปราศจากธุลี ๑ เป็นจิตเกษม ๑ นี้เป็นอุดมมงคล
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายทำมงคลเช่นนี้แล้ว เป็นผู้ไม่ปราชัยในข้าศึกทุกหมู่เหล่า ย่อมถึง ความสวัสดีในที่ทุกสถาน นี้เป็นอุดมมงคลของเทวดาและมนุษย์เหล่านั้น ฯ
จบมงคลสูตร
เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงตรัสตอบมงคลปัญหาแล้ว มงคลโกลาหลก็ยุติลง แต่ละคำที่ทรง แสดงเป็นสัจจะ ใครจะเชื่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเข้าใจหรือปัญญาของแต่ละคน บางท่าน อาจเข้าใจว่า ได้ฟังหรือสวดมงคลสูตรแล้วก็จะถึงความสวัสดี แต่นั่นเป็นมงคลภายนอก ต้อง น้อมเข้ามาในตน คือ ประพฤติปฏิบัติตามมงคลทั้ง ๓๘ นี้ได้ ย่อมถึงความสวัสดีในที่ทุก สถานและในกาลทุกเมื่ออย่างแน่นอน
จะเห็นว่า ไม่มีใครเมตตาหวังดีต่อสรรพสัตว์ ต้องการให้พบแต่ความปลอดภัยสวัสดี เท่าพระ อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกแล้ว
นโม ตัสสะ ภวคโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมต่อพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า
... อ่านตอนต่อไป ...
(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย 5
... อ่านย้อนหลัง ...
(เกือบ) ถอดใจ ... ที่อินเดีย 3
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่แดง (พลอากาศตรีหญิงกาญจนา เชื้อทอง) สำหรับเรื่องเล่าจากใจ ที่เกือบจะถอดใจ ของพี่แดงครับ อ่านสนุก มีสาระธรรมเช่นเคยครับ และ ขอกราบอนุโมทนาในกุศลศรัทธาของพี่ฝนและพี่โจ สำหรับ ประทีปทองอันงดงามยิ่ง ที่ ณ กาลครั้งหนึ่ง ได้ส่องแสงสว่างไสว ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี พระนครสาวัตถี อันรุ่งเรืองด้วยแสงแห่งพระธรรม ในอดีต
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิต ของคุณพ่อทางธรรม รศ.สงบ เชื้อทอง เมื่อครั้งที่ได้มีโอกาสไปนมัสการ 4 สังเวชนียสถานเมื่อปี 2554 คุณพ่อจะบรรยายธรรมและประวัติความเป็นมาของแต่ละสถานที่ต่างๆ ที่ไปเยือนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ทำให้การเดินทางบนรถครั้งนั้นที่ดูแสนจะยาวนาน กลับเพลิดเพลินไปด้วยเรื่องราวธรรม และทำให้ทุกท่านที่ร่วมเดินทางเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น ระลึกถึงพระมหากรุณาคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอัครสาวกทั้งหลายที่ท่านได้ฝากพระธรรมไว้ให้อนุชนคนรุ่นหลังได้ศึกษา การฟังธรรมนั้นจึงเป็นมงคลอย่างยิ่ง และหากไม่ได้พบกัลยาณมิตรที่ช่วยชี้แนะทางที่ถูกต้องให้ ชีวิตก็คงมืดมิดเหมือนกับเทียนที่ไม่มีไฟแห่งปัญญาคอยส่องทาง จึงขอกราบขอบพระคุณกัลยาณมิตรทุกท่านที่กรุณาคอยตักเตือน สั่งสอนและชี้แนะให้เดินทางในสังสารวัฎนี้ด้วยหนทางที่ถูกต้องคะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
กราบเท้าบูชาคุณอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
กราบขอบพระคุณอาจารย์วิทยากรทุกท่าน
ขอบพระคุณพี่แดงและขออนุโมทนาในกุศลของทุกๆ ท่าน
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่แดง อย่างยิ่งค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของคุณฝน และคุณโจ สำหรับ โคมประทีปทอง และ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านที่มีส่วนร่วมในการเจริญกุศลทุกๆ ประการค่ะ