การรับรู้เรื่องราวแล้วเกิดความยินดียินร้าย

 
NYC
วันที่  15 พ.ย. 2557
หมายเลข  25774
อ่าน  1,164

ขอเรียนถามท่านอาจารย์ครับ

การที่รับรู้เรื่องราวต่างๆ แล้วเกิดความยินดียินร้าย เช่นการรับรู้เรื่องราว แล้วเกิดความยินดี จึงเชื่อถือ หรือเกิดความยินร้าย จึงไม่เชื่อถือ อยากทราบว่าสัญญาเจตสิกมีส่วนทำให้เกิดความยินดียินร้ายเหล่านี้หรือไม่ครับ ผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิหรือมิจฉาทิฏฐิ มีเหตุเกิดจากสัญญาเจตสิกมีส่วนร่วมด้วยหรือไม่


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 15 พ.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สภาพธรรมจะเกิดขึ้นต้องอาศัยเหตุปัจจัยหลายๆ อย่าง ไม่ใช่เพียงเหตุปัจจัยเดียว นั่นคือ อาศัยสภาพธรรมหลายๆ อย่างประกอบกัน จึงจะทำให้เกิดสภาพธรรมต่างๆ ได้ ซึ่งแม้แต่ความยินดี ยินร้าย ก็เช่นกัน อาศัยเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้นการยินดี คือ ความสุขโสมนัสทางใจ ก็อาศัยสัญญาเจตสิกด้วย คือ ความจำในอดีต เป็นปัจจัยให้เกิดความยินดี สุขใจในขณะนั้นและอาศัยเหตุอื่นๆ สภาพธรรมอื่นๆ เช่น อาศัย สภาพธรรม ที่เป็นจิต อาศัยรูปธรรม และเจตสิกอื่นๆ ที่ไม่ใช่เพียงสัญญาเจตสิก ทำให้เกิดความสุขโสมนัส ยินดีในขณะนั้น โดยนัยเดียวกันความยินดีร้ายก็เช่นกันครับ

ส่วน ผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก แล ะ มีมิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิด ก็เพราะอาศัยสัญญาเจตสิกที่จำถูกและจำผิดแตกต่างกันไปเช่นกัน และอาศัยสภาพธรรมอื่นๆ เช่น อาศัย สภาพธรรมที่เป็นปัญญา และ สภาพธรรมที่เป็นกิเลส ทำให้เกิดความเห็นถูกและความเห็นผิด ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
tanrat
วันที่ 16 พ.ย. 2557

กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ประสาน
วันที่ 16 พ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
peem
วันที่ 16 พ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 16 พ.ย. 2557

ขอนอบน้อมแ่ด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ตามความเป็นจริงแล้ว สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ อกุศลจิตก็ย่อมเกิดขึ้นมาก เกิดขึ้นมากกว่ากุศลจิตจริงๆ ไม่ว่าจะประสบกับเหตุการณ์ใดๆ ก็มักจะหวั่นไหวไปด้วยอำนาจของอกุศลประการต่างๆ ทั้งโลภะ บ้าง โทสะ บ้าง และในขณะที่โลภะหรือโทสะเกิดขึ้นก็จะมีโมหะ เกิดร่วมด้วยทุกครั้ง ขณะที่กุศล ไม่เกิด ก็เป็นอกุศล ยากที่จะพ้นไปได้ ยากที่จะฟันฝ่าคลื่นของอกุศลไปได้จริงๆ เพราะบุคคลผู้ที่ไม่หวั่นไหวด้วยอำนาจของอกุศลใดๆ เลยนั้น มีเพียงบุคคลประเภทเดียว คือ พระอรหันต์

เมื่อเข้าใจถึงการสะสมของแต่ะละบุคคล เราก็จะไม่หวั่นไหวไปกับเหตุการณ์ต่างๆ คำพูดของบุคคลต่างๆ เพราะใครจะคิดอย่างไร ว่าอย่างไร ก็เป็นไปตามการสะสมของเขา เป็นเรื่องของเขา หน้าที่ของเรา คือ อดทน เข้าใจ และถ้ามีโอกาสก็สามารถเกื้อกูลให้ผู้นั้นมีความเข้าใจถูกเห็นถูกในธรรมได้ และที่สำคัญจะต้องมีความมั่นคงที่จะสะสมสิ่งที่ดีและอบรมเจริญปัญญาต่อไป

ที่กล่าวว่า เป็นผู้มีความเห็นถูก ก็คือ ต้องมีสภาพธรรมที่มีจริง คือ ปัญญา และขณะนั้นก็ต้องเกิดร่วมกับจิตและเจตสิกประการอื่นๆ ด้วย สัญญา ก็เกิด แต่เป็นเกิดร่วมกับจิตฝ่ายดี และเกิดร่วมกับเจตสิกฝ่ายดี ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นบุคคลผู้มีความเห็นผิด ก็ต้องมีสภาพธรรม แต่ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มีความเห็นผิด เกิดร่วมกับอกุศลจิต และเจตสิกอื่นๆ รวมถึงสัญญา ด้วย สัญญาในขณะนั้น เกิดร่วมกับอกุศลจิต ก็มีความเสมอกัน คือ เป็นอกุศล ด้วย ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 16 พ.ย. 2557

การรับรู้สิ่งต่างๆ เกิดยินดี ยินร้าย อาศัยสัญญา ที่จำในสิ่งต่างๆ เพราะ สัญญาเกิดกับจิตทุกดวง ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
NYC
วันที่ 16 พ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 27 พ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ