เกิดในสวรรค์หรือนรกจะยังจำได้ไหมว่าชาติก่อนเคยเป็นใครมา

 
ละอ่อนธรรม
วันที่  3 ม.ค. 2550
หมายเลข  2579
อ่าน  6,602

ผมเข้าใจว่าถ้าเกิดในสวรรค์หรือนรก ก็จะผุดขึ้นเป็นตัวแบบโอปปาติกะทันทีก็น่าจะยังมีความจำเดิมในชาติก่อน ที่เพิ่งจากมาอย่างบริบูรณ์ เลยไม่เหมือนกับมาปฏิสนธิในเมืองมนุษย์ที่ต้องไปอยู่ในครรภ์มารดาตั้ง ๙ เดือน ทำให้ลืมอดีตเสียหมด ไม่ทราบว่าผมเข้าใจถูกต้องหรือเปล่าครับ เพราะถ้าเข้าใจถูก ก็คงจะน่ากลัว ถ้าต้องไปเกิดในนรก เพราะเหมือนกับแหย่เท้าเข้าไปในไฟนรก แต่ถ้าลืมอดีตหมดได้ก็ดี เพราะเหมือนกับเราทำกรรมอะไรมา แต่ให้อีกคนไปรับโทษทัณฑ์แทน อย่างนี้ก็ไม่น่ากลัว และผมว่าที่คนส่วนใหญ่ไม่กลัวนรก เพราะคิดว่าถ้าสุดท้ายแล้ว นรกจะมีจริงๆ แต่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เพราะเกิดใหม่ก็ลืมอดีตหมดแล้ว เหมือนกับแต่ก่อน

สมัยเป็นวัยรุ่น เพื่อนผมเคยถามว่า "เวลาทำบาป ไม่กลัวตกนรกเหรอ?" ผมก็ย้อนกลับไปว่า "จะไปกลัวทำไม ถ้าเกิดในนรกจริง เราก็จำอะไรไม่ได้แล้ว ก็เหมือนกับให้อีกคนที่ไม่เกี่ยวกับเราเลยไปตกนรกแทน" ทำให้ตอนนั้น ผมไม่เคยนึกกลัวบาปกรรมอะไรเลย เกิดใหม่ก็เปลี่ยนเป็นคนใหม่ เรื่องเดิมก็จำไม่ได้ว่าเคยเป็นใครมา แล้วจะต้องไปแคร์อะไรกับกฎแห่งกรรม แต่เดี๋ยวนี้ผมกลัวที่จะเจอวิบากกรรมที่เป็นผลจากกรรมชั่วจริงๆ เริ่มรู้สึกกลัวนรกจับจิตจับใจ เพราะบาปหนาที่เคยก่อไว้ เพราะถ้าไปเกิดในนรกแล้ว แต่ความจำเดิมไม่หายไป ก็เหมือนกับตัวผมเองเหยียบย่างเข้าสู่ไฟนรกเอง ไม่ใช่ใครอื่นเลย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 3 ม.ค. 2550

ผู้ที่ตายจากมนุษย์ไปเกิดบนสวรรค์หรือเปรตหรือนรก เป็นภพภูมิที่เกิดขึ้นเป็นตัวทันที เหมือนกับคนที่นอนหลับแล้วตื่นขึ้น ฉะนั้น คนที่นอนหลับแล้วตื่นขึ้นย่อมจำสิ่งต่างๆ ที่เป็นไปในโลกนี้ฉันใด ผู้ที่เกิดในภพภูมิอื่นที่ได้กำเนิดโอปปาติกะ ย่อมจำได้ว่าชาติก่อนตนเคยกระทำกรรมอะไรไว้ จึงมาเสวยทุกข์หรือเสวยสุขตามกรรมที่ตนกระทำไว้ เพราะการได้กำเนิดใหม่ในภพใหม่ สืบเนื่องจากนามรูปในชาตินี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นคนละคนแล้วก็ตาม แต่วิบากกรรมที่ได้รับก็มาจากชาติก่อนทั้งสิ้น ฉะนั้น บาปกรรมเป็นสิ่งที่น่ากลัว เพราะเมื่อให้ผลย่อมทำให้เกิดความทุกข์เสียใจ มีหน้านองด้วยน้ำตา เดือดร้อนบ่นเพ้อว่าไม่น่าเลย ส่วนบุญกุศลเป็นสิ่งที่ควรกระทำ เพราะเมื่อให้ผลย่อมนำความสุขความเจริญมาให้ในที่ที่เกิดแล้วๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
study
วันที่ 3 ม.ค. 2550

เชิญคลิกอ่านได้ที่นี่ ...

คู่แห่งความดีและความชั่ว

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
study
วันที่ 3 ม.ค. 2550

เชิญคลิกอ่านที่นี่ ...

บุญและบาป [คาถาธรรมบท]

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
medulla
วันที่ 3 ม.ค. 2550
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ละอ่อนธรรม
วันที่ 3 ม.ค. 2550

สาธุ ขอขอบพระคุณมากครับ ตอนนี้คงต้องยึดคติที่ว่า "กุศลทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ อกุศลแม้เพียงน้อยนิดก็น่ากลัว" ที่ท่านอาจารย์สุจินต์สอนไว้ครับ กะว่าจะทำเป็นสติ๊กเกอร์แปะไว้หน้ารถเลย จะได้เตือนใจทุกวันให้เร่งรีบขวนขวายทำแต่ความดี หลีกหนีความชั่วทั้งปวงครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wirat.k
วันที่ 3 ม.ค. 2550

อนุโมทนาครับ คุณละอ่อนธรรม

ถ้าทำสติ๊กเกอร์ ขอทำเผื่อแจกผมด้วยนะครับ (ค่าใช้จ่ายจะช่วยหาร)

จากผู้ละอ่อนธรรมกว่า

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pornpaon
วันที่ 3 ม.ค. 2550

ก็น่าจะดีนะคะ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
wannee.s
วันที่ 3 ม.ค. 2550

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 4 ม.ค. 2550

ต้องเข้าใจในเรื่องอภิธรรมว่า สภาพธัมมะเกิดดับสืบต่อไม่หยุด ตราบใดที่ยังไม่สิ้นกิเลส จิตย่อมเกิดดับสืบต่อกันเสมอ เมื่อจิตดวงสุดท้ายคือจุติจิตเกิด ปฏิสนธิจิตก็เกิดสืบต่อทันที เมื่อยังมีกิเลส เราก็คิดไปไกลถึงเรื่องราวข้ามภพภูมิ แต่ถ้าไม่ลืมว่าขณะนี้ก็กำลังสืบต่ออยู่ด้วยจิตแต่ละดวง ซึ่งทำให้เป็นบุคคลแต่ละคน จากเด็กเป็นหนุ่มสาว เป็นคนชรา

ดังนั้นจึงถามว่า ตอนเด็กกับตอนเป็นผู้ใหญ่ คนเดียวกันไหม ก็ไม่ใช่ แต่ถามว่าต้องเกี่ยวเนื่องกันไหม แน่นอนต้องสืบต่อเกี่ยวเนื่องกัน เปรียบเหมือนเปลวไฟตอนเช้า กับตอนสาย เป็นเปลวไฟดียวกันไหม ก็ไม่ใช่ แต่สืบต่อเกี่ยวเนื่องกัน ดังนั้น ที่ถามว่า จะใช่บุคคลเดียวกันไหมเมื่อตายไปแล้ว ก็ต้องตอบว่าไม่ใช่ แต่อย่าลืมว่าก็ต้องสืบต่อเกี่ยวเนื่องกันไป เพราะเป็นจิตเกิดดับทีละขณะสืบต่อกันไป ส่วนจะจำได้ไม่ได้ก็แล้วแต่ภพภูมิที่เกิดครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
devout
วันที่ 6 ม.ค. 2550

ตามความเป็นจริง สัตว์ บุคคล ตัวตน ไม่มี ไม่ว่าเวลาไหน ชาติไหน ภพไหน ภูมิไหน มีแต่รูปกับนามเท่านั้นที่เกิดดับสืบต่อกันไป (จนเหมือนไม่ดับ) แล้วก็ยึดถือสิ่งที่เกิดดับสืบต่อนั้นว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดด้วยความเห็นผิดและความไม่รู้

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เซจาน้อย
วันที่ 14 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"กุศลทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ อกุศลแม้เพียงน้อยนิดก็น่ากลัว"

"ผู้ที่ตายจากมนุษย์ไปเกิดบนสวรรค์หรือเปรตหรือนรก เป็นภพภูมิที่เกิดขึ้นเป็นตัวทันที เหมือนกับคนที่นอนหลับแล้วตื่นขึ้น ฉะนั้น คนที่นอนหลับแล้วตื่นขึ้นย่อมจำสิ่งต่างๆ ที่เป็นไปในโลกนี้ฉันใด ผู้ที่เกิดในภพภูมิอื่นที่ได้กำเนิดโอปปาติกะ ย่อมจำได้ว่าชาติก่อนตนเคยกระทำกรรมอะไรไว้" (กุศล อกุศล)

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
boonpoj
วันที่ 17 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
orawan.c
วันที่ 17 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
chatchai.k
วันที่ 25 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ