อะไรเอ่ย ชื่อว่า ๒
[เล่มที่ 39] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม ๑ ภาค ๑- หน้าที่ 101
พรรณนาปัญหาว่าอะไรเอ่ยชื่อว่า ๒
พระศาสดา ผู้มีจิตอันพระเถระทำให้ทรงยินดีด้วยการพยากรณ์นี้อย่าง นี้แล้ว จึงตรัสถาม หายิ่งในรูป เหมือนนัยแรกว่า อะไรเอ่ย ชื่อว่า ๒ พระเถระกล่าวซ้ำว่า เทฺว๒ทูลตอบด้วยเทศนาเป็นบุคลาธิษฐานว่า คือนาม และรูป. บรรดานามและรูปนั้น เรื่องที่มิใช่รูปทั้งหมด ท่านเรียกว่านาม เพราะ น้อมมุ่งหน้าสู่อารมณ์อย่างหนึ่ง เพราะเป็นเหตุน้อมจิตไปอย่างหนึ่ง. แต่ในที่นี้ ท่านประสงค์เอาธรรมที่มีอาสวะเท่านั้น เพราะเป็นเหตุแห่งนิพพิทาความหน่าย ส่วนมหาภูตรูป ๔ และรูปทั้งหมดที่อาศัยมหาภูตรูปนั้นเป็นไป ท่านเรียกว่า รูป เพราะอรรถว่า แตกสลาย. รูปนั้นในที่นี้ ท่านประสงค์เอาทั้งหมด. แต่พระเถระกล่าวในที่นี้ว่า ชื่อว่า ๒ คือนามและรูป ก็โดยความประสงค์นี้ แล มิใช่กล่าวเพราะไม่มีธรรม ๒ อย่างอื่น เหมือนอย่างที่ตรัสไว้ว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลายในธรรม๒อย่างภิกษุ เมื่อหน่ายโดยชอบฯลฯย่อมเป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ใน ธรรม๒อย่างคือนานและรูปดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในธรรม๒อย่างนี้แลภิกษุเมื่อหน่ายโดยชอบฯลฯ ย่อมเป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้คำนั้นใดว่าปัญหา๒ อุทเทส๒ไวยากรณ์๒ดังนี้คำนี้เราอาศัยอันนี้ กล่าวแล้ว.
ก็ในปัญหาข้อนี้ พึงทราบว่า ภิกษุละอัตตทิฏฐิความเห็นว่าเป็นตนได้ ด้วยการเห็นเพียงนามรูปแล้ว เมื่อหน่ายโดยมุขคือการพิจารณาเห็นอนัตตาย่อมจะเป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ ย่อมบรรลุปรมัตถวิสุทธิได้ เหมือนอย่างที่ ตรัสไว้ว่า
สพฺเพธมฺมาอนตฺตาติยทาปญฺญายปสฺสติ อถนิพฺพินฺทติทุกฺเขเอสมคฺโควิสุทฺธิยา
เมื่อใดเห็นด้วยปัญญาว่าธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา เมื่อนั้นย่อมหน่ายในทุกข์ นี้เป็นทางแห่งวิสุทธิ ดังนี้.