กุศลธรรมอันเป็นอารมณ์ของอาสวะ
ขอเรียนถามท่านอาจารย์ค่ะ
กุศลมูล ๓ ที่เป็นอารมณ์ของอาสวะ หมายถึงอย่างไรคะ
กราบขอบพระคุณค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อาสวะ เป็นอกุศลธรรมที่บางเบาไหลไปได้ทุกภพภูมิ ไหลไปทางตา ทางหู ทางจมูกทางลิ้น ทางกาย และทางใจ เป็นอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปในชีวิตประจำวัน ยากที่จะรู้ได้ต้องเป็นเรื่องของปัญญาเท่านั้นที่จะรู้ถูกเห็นถูกตามความเป็นจริงได้ และการละอาสวะก็ต้องเป็นปัญญาระดับขั้นที่เป็นโลกุตตระตามลำดับ กล่าวคือ ความเห็นผิด ที่เป็นทิฏฐาสวะ ละได้ด้วยโสตาปัตติมรรค กามาสวะ ความติดข้องในกาม ละได้ด้วยอนาคามิมรรค ภวาสวะ ความติดข้องในภพ และ อวิชชาสวะ ความไม่รู้ ดับได้อย่างหมดสิ้น ด้วยอรหัตตมรรค
กุศลมูล คือ อโลภะ อโทสะ อโมหเจตสิก ก็เป็น ที่ตั้ง ติดข้องของโลภะได้อีกเช่นกัน กุศลมูล คือ อโลภะ อโทสะ อโมหะ จึงเป็นสภาพธรรมที่เป็นทุกข์ด้วย เพราะเกิดขึ้นและดับไป และเป็นที่ติดข้องของ โลภะ ที่เป็นอาสวะกิเลสครับ เช่น ติดข้องในอโลภะ-เจตสิก ที่เกิดขึ้นแล้ว กุศลมูล คือ อโลภเจตสิก จึงเป็นอารมณ์ของอาสวะ มี กามาสวะเป็นต้นได้ครับ
กุศลธรรมอื่นๆ ก็เป็นอารมณ์ของ อาสวะ คือเป็นที่ตั้งของความยึดถือด้วยโลภะได้อีก เช่นกัน และเกิดดับด้วย จึงเป็นทุกข์ ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กุศลมูล ๓ ได้แก่ อโลภะ สภาพธรรมที่ไม่ติดข้อง อโทสะ สภาพธรรมที่ไม่โกรธไม่ขุ่นเคืองใจ และ อโมหะ คือ ปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นมูลรากสำคัญที่จะทำให้กุศลธรรมทั้งหลายเจริญยิ่งขึ้น เป็นสภาพธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ สภาพธรรมที่เป็นทุกข์ เป็นไปในฝ่ายเกิด ซึ่งเป็นโลกิยธรรม ย่อมเป็นที่ตั้งที่ยึดถือของอาสวะได้ แม้กุศลมูล ๓ ยังเป็นที่ตั้งแห่งการยึดถือของอาสวะได้ แต่ถ้าเป็นธรรมที่เป็นโลกุตตระ คือ มรรคจิต ผลจิต และนิพพาน แล้ว ไม่ได้เป็นไปในฝ่ายเกิด แต่เป็นไปในฝ่ายดับวัฏฏะ ดับทุกข์ดับกิเลส ย่อมไม่เป็นที่ตั้งที่ยึดถือของกิเลสใดๆ ได้เลย
ถ้าเป็นผู้เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ จึงมีศรัทธาที่จะฟังที่จะศึกษาด้วยความจริงใจ มีจุดประสงค์ที่ถูกต้องในการศึกษาว่าเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกขัดเกลาความไม่รู้และกิเลสทั้งหลาย อย่างนี้ย่อมจะเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลอย่างแท้จริง เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็นสำคัญ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...