ถีนะ มิทธะ
ขอเรียนถามว่า ถีนะ มิทธะ ทำไมเกิดร่วมเฉพาะสสังขาริกจิต เช่น ง่วงนอนก็ไม่มีใครชักชวน เกิดตามเหตุปัจจัยคือ อ่อนแรง
ขอบคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาัสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ถีนเจตสิก เป็นสภาพที่ทำให้จิตท้อแท้ เซื่องซึมในอารมณ์
มิทธเจตสิก เป็นสภาพที่ทำให้เจตสิกที่เกิดร่วมด้วยท้อแท้ เซื่องซึมในอารมณ์
เมื่อเจตสิกทั้ง ๒ ดวงนี้เกิดขึ้น จะทำให้บุคคลนั้นมีอาการหดหู่ท้อถอย เกียจคร้านหรือง่วงเหงาหาวนอน อกุศลเจตสิก ๒ ดวง คือ ถีนเจตสิกและ มิทธเจตสิก ซึ่งเกิดได้กับอกุศลจิตที่มีกำลังอ่อน เป็นสสังขาริกเท่านั้น ทำให้สภาพจิตขณะนั้นไม่ควรแก่การงาน
ถีนเจตสิก มิทธเจตสิก เกิดกับจิตที่มีกำลังอ่อน จึงเกิดกับสสังขาริก ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาัสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สภาพธรรมเป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น ตามความเป็นจริงของเจตสิกธรรมทั้ง ๒ คือ ถีนะ ความแท้แท้ท้อถอย ความหดหู่ ความเซื่องซึม และ มิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอน เป็นเจตสิกที่เมื่อเกิดขึ้นก็เกิดร่วมกันทุกครั้ง แยกจากกันไม่ได้ และถ้าจะเกิดก็จะเกิดกับอกุศลจิตที่มีกำลังอ่อนเท่านั้น จะไม่เกิดกับอกุศลที่มีกำลังกล้าและจะไม่เกิดกับกุศลจิตเลย เพราะถีนมิทธะเป็นอกุศลเจตสิกที่จะต้องเกิดกับอกุศลจิตและจะต้องเป็นอกุศลจิตที่มีกำลังอ่อนเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าอกุศลจิตที่มีกำลังอ่อนแล้วจะมีถีนกับมิทธะเกิดร่วมด้วยทุกครั้ง เพราะบางครั้งก็ไม่เกิด นี่คือความเป็นจริงของสภาพธรรมที่จะต้องเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยจริงๆ [ถีนะและมิทธะจะถูกดับได้อย่างเด็ดขาด เมื่อถึงความเป็นพระอรหันต์]
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอเรียนถามต่อว่าเช่น ง่วงนอนก็ไม่ได้มีใครชักชวน เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย คือ อ่อนแรงไม่มีใครชักชวนให้อ่อนแรง
ขอบคุณครับ
เรียน ความเห็นที่ 5 ครับ
ในความหมาย สสังขารริก ไม่ได้หมายถึง จะต้องมีใครมาชักชวนเท่านั้น แต่หมายถึงสภาพธรรมที่จิตมีกำลังอ่อน ก็เป็นสสังขารริก เพราะฉะนั้น ขณะที่ง่วงนอน แม้ไม่มีใครมาชักชวน เพราะไม่มีสัตว์ บุคคลมาชักชวน แต่โดยสภาพธรรมที่จิตมีกำลังอ่อน จึงชื่อ สสังขารริก ครับ เพราะฉะนั้น สสังขารริก จึงไม่ได้จำกัดความหมายเพียงแค่ ต้องมีใครชักชวน แต่หมายถึง สภาพธรรมที่มีกำลังอ่อนก็ได้ ครับ
ขออนุโมทนา