กำลังเผชิญหน้ากับอุบัติเหตุ
เมื่อเร็วๆ นี้เครื่องบิน American airlines บินจากเกาหลีจะไปอเมริกา แต่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ทำให้เครื่องบินสั่นมาก มีหลายคนหัวแตก ขณะนั้นเครื่องบินกำลังจะตก ผู้โดยสาร 200 กว่าคนตกใจ กำลังเผชิญหน้ากับความตาย บางท่านก็ขอให้พระเจ้าช่วย ตามแต่ศาสนาที่ตัวเองนับถือ
จากการศึกษาขั้นการฟัง ถึงแม้เราจะเกิดสติ น้อมจิตไปถึงพระผู้มีพระภาค ก็ยังตกใจ ความน้อมระลึกถึงสภาพธรรมะขณะนั้นจึงควรกระทำ เพราะเช่นนี้ใช่ไหมที่ท่านอาจารย์ให้ระลึกสภาพธรรมะบ่อยๆ เนืองๆ ขอความกรุณาท่านอาจารย์ให้ความกระจ่างด้วยค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ชีวิตประจำวัน ไม่พ้นจากสภาพธรรม แม้ในขณะที่อยู่บนเครื่องบิน หรืออยู่ที่หน้าคอม หรือขณะไหนก็ไม่พ้นจากสภาพธรรม ทั้งขณะที่ตกใจ กลัว ก็เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ไม่ใช่เรา แต่การจะเข้าใจถูกที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมในขณะนั้นว่าเป็นธรรมก็แล้วแต่ว่าสติจะเกิดหรือไม่ ซึ่งธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา แม้ขณะนั้นตกใจ กลัว ถ้าเป็นผู้ที่มั่นคง อบรมสติปัฏฐานในชีวิตประจำวัน ก็สามารถเกิดสติระลึกรู้สภาพธรรมในขณะนั้นได้ นี่คือเหตุผลที่ควรฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมในเรื่องของสภาพธรรม บ่อยๆ เนืองๆ เพื่อเป็นปัจจัยให้สติปัฏฐานเกิดได้แม้ในเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งที่ไม่น่าจะเกิดสติได้เลย ดั่งเช่น พระพุทธเจ้าได้ทรงเล่าเรื่องในอดีตกาลที่มีผู้ที่เข้าคุก เรือนจำแต่ก็สามารถเกิดสติและปัญญา ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม จนสามารถบรรลุเป็นพระโสดาบันได้ หรือแม้ขณะทีภิกษุผู้อบรมเจริญสติ แม้ถูกเสือกำลังกิน ใกล้ตายก็สามารถเกิดสติและปัญญารู้ความจริงของสภาพธรรม ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ แม้จะเกิดความกลัว ความเจ็บเกิดขึ้น ก็เป็นสภาพธรรมที่มีจริงที่เป็นที่ตั้งของสติปัฏฐานได้ ครับ
จะเห็นคุณของสติและปัญญาที่อบรมในหนทางที่ถูกต้อง ย่อมเกื้อกูล อุปการะให้รู้ความจริงได้ และแม้ว่าในขณะนั้น ขณะไหนก็ตามที่ยังไม่รู้ความจริง สติไม่เกิด หนทางที่ถูก ก็คือ อบรมหนทางที่ถูก คือ ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมต่อไป ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทุกขณะของชีวิต มีแต่ธรรมเกิดขึ้นเป็นไปเท่านั้น ไม่พ้นไปจากจิต (สภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์) , เจตสิก (สภาพธรรมที่เกิดร่วมกับจิต) และรูปธรรม ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร ไม่ใช่สภาพรู้ หาความเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตนในสภาพธรรมเหล่านั้นไม่ได้เลย
พระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า ธรรม เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เราไม่สามารถรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างแม้แต่ในขณะต่อไป นี้ก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมแล้ว เพราะอะไรจะเกิด ก็เกิดเพราะเหตุปัจจัยจริงๆ แม้แต่การได้รับผลของกรรมก็ดี การคิดที่จะกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ดี ล้วนเป็นธรรมที่มีจริง ที่เกิดขึ้นเป็นไปเพราะหตุปัจจัยเท่านั้น สำคัญที่ความเข้าใจอย่างถูกต้องว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา
ประโยชน์สูงสุดของการเกิดมาเป็นมนุษย์ คือ การมีโอกาสได้ฟังพระธรรม สะสมความรู้ความเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏในขณะนี้ ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นธรรม เมื่อมีความเข้าใจธรรมมากขึ้น ความสงสัยก็จะลดน้อยลง มีชีวิตอยู่เพื่ออบรมเจริญปัญญาต่อไป จึงจะเป็นผู้มีที่พึ่ง การที่ปัญญาจะมีได้ ก็ต่อเมื่อได้ฟังพระธรรม และมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น เรื่องของคนอื่นก็เป็นเรื่องของคนอื่นจริงๆ ซึ่งแต่ละคนก็เป็นแต่ละหนึ่งไม่เหมือนกัน ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
หากไม่น้อมจิตที่จะฟังธรรมก็จะไม่มีทางเข้าใจในคำสอนของพระผู้มีพระภาค สัพเพสัตตาธรรมา สัพเพธรรมาอนัตตา ขอนอบน้อมใจไปในพระปัญญาธิคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ
พระผู้มีพระภาคตรัสกับพระเจ้าปเสนทิโกศล ว่า "ดูก่อนมหาบพิตร กำลังใจพึงรู้ได้ในคราวมีอันตราย ก็กำลังใจนั้นจะพึงรู้ได้ด้วยกาลนาน ไม่ใช่ด้วยกาลเล็กน้อยผู้ใส่ใจจึงจะรู้ได้ ผู้ไม่ใส่ใจก็ไม่รู้ ผู้มีปัญญาจึงจะรู้ได้ ผู้มีปัญญาทรามก็ไม่รู้"
ในอรรถกถา แก้ไว้ว่า "บทว่า ถาโม ได้แก่ กำลังแห่งญาณ. จริงอยู่ กำลังแห่งญาณของผู้ใดไม่มีเมื่อเกิดอุปัทวันตรายขึ้น ผู้นั้นก็มองไม่เห็นการถือสิ่งที่ควรถือมองไม่เห็นกิจที่ควรทำ ย่อมประพฤติ เหมือนดังเข้าไปยังเรือนที่มืดตื้อ ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ถวายพระพร บุคคลพึงรู้กำลัง (ญาณ) ได้ ก็ในคราวที่มีอันตราย
การที่มีปัญญาได้ก็ต่อเมื่อได้ฟังพระธรรมและเข้าใจเพิ่มขึ้น
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ท่านผู้รู้ถ้าจะกรุณาขยายอธิบายคำที่ผู้มีพระภาคตรัสที่คุณ janyapinpard ได้ลงไว้ก็จะดีครับ