อยากเรียนสอบถามอาจารย์เกี่ยวกับการตอบไม่ได้คิดครับ

 
สืบต่อพุทธ
วันที่  25 ธ.ค. 2557
หมายเลข  25969
อ่าน  1,848

ถ้ามีคนถาม แต่เราตอบแบบไม่คิด ตอบแบบสัญชาตญาณไว้ก่อน แล้วมาคิดอีกทีไม่ใช่แต่ขณะนั้นไม่ได้มีเจตนาโกหก ไม่ทราบผิดศีลข้อมุสาไหมครับ

ขอบคุณและอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 25 ธ.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สำหรับศีล ข้อ ๔ คือ มุสาวาท ผู้กล่าวจะต้องมีเจตนาที่จะโกหก พูดในเรื่องที่ไม่จริงและรู้อยู่ว่าเรื่องนั้นไม่จริง เมื่อรู้เช่นนี้และมีเจตนากล่าวไปให้ผู้อื่นเข้าใจผิด อย่างนี้จึงจะผิดศีลข้อ ๔ ครับ แต่หากว่าเราไม่รู้ว่าเรื่องนั้นจริง ไม่จริง โดยไม่มีเจตนาที่จะโกหกผู้อื่น อย่างนี้ไม่ผิดศีลข้อมุสาวาท ครับ เหมือนดั่งชาดก ที่เขาไม่รู้ว่าความจริงเป็นเช่นไร คิดว่า ผู้หญิงที่มาด้วยกับอีกท่านเป็นภรรยา แท้ที่จริงเป็นน้องสาว แม้เรื่องนั้นจะไม่จริง ก็ไม่ผิดศีล ข้อ ๔ เพราะ ไม่ได้มีเจตนาที่จะโกหก กล่าวมุสาวาท ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
tanrat
วันที่ 26 ธ.ค. 2557

การกล่าวสิ่งที่ไม่จริง คำหยาบ คำสอดเสียด คำเพ้อเจ้อ กล่าวทุกขณะ ขณะที่สติไม่เกิด ค่อยๆ ขัดเกลาไปจนกว่าจะค่อยๆ คลาย แล้วจึงละ ยากอย่างนี้นี่เอง

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 26 ธ.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

[เล่มที่ 11] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๑๙๒

มุสาวาทนั้น มีองค์ ๔ คือ มุสาวาทนั้น มีองค์ ๔ คือ

๑. เรื่องไม่จริง

๒. จิตคิดจะพูดให้คลาดเคลื่อน

๓. ความพยายามเกิดจากจิตคิดจะพูดให้คลาดเคลื่อนนั้น

๔. คนอื่นรู้เรื่องนั้น

ถ้าไม่ได้เกี่ยวกับองค์ ๔ ประการ ก็ไม่ใช่มุสาวาท ประโยชน์ที่ควรจะได้พิจารณา คือ เป็นธรรมดาที่ว่าบุคคลผู้พูดเท็จ พูดไม่จริง พูดโกหก ก็เพราะว่ายังมีอกุศลธรรมที่สะสมไว้ในจิตเป็นปัจจัยให้พูดเท็จ ตราบใดที่ยังไม่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระโสดาบันบุคคลขึ้นไป ย่อมล่วงศีลข้อมุสาวาทได้ ตามกำลังของกิเลสที่ได้สะสมมา และที่สำคัญเมื่อเป็นอกุศลกรรมบถที่ครบองค์แล้ว สามารถเป็นเหตุให้ผู้พูดเท็จไปเกิดในอบายภูมิ ทำให้ได้รับความทุกข์ทรมานเดือดร้อนนานาประการ ยากที่จะพ้นไปได้

ในความเป็นจริงแล้ว ปกติในชีวิตประจำวันย่อมจะมีบ้างสำหรับการพูดในสิ่งที่ไม่จริง ซึ่งเป็นไปตามอำนาจของกิเลส ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น แต่ก็ควรที่จะเห็นโทษของอกุศลแม้เล็กน้อย เพราะเหตุว่าอกุศลธรรมที่ได้สะสมไว้ในจิตจะเป็นเหตุให้กระทำกายทุจริต วจีทุจริต และมโนทุจริตได้ และอกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้วนั้น ไม่สูญหายไปไหน ย่อมสะสมสืบต่ออยู่ในจิตทุกขณะ เมื่อถึงคราวที่อกุศลกรรมจะให้ผล ผลก็ย่อมเกิดขึ้น โดยเป็นผลที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่าพอใจ เพราะอกุศลกรรมให้ผลเป็นทุกข์เท่านั้น ไม่สามารถให้ผลเป็นสุขได้เลย

เพราะฉะนั้น ในชีวิตประจำวันจึงควรอย่างยิ่งที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา อบรมเจริญสติปัฏฐานพร้อมกับมีความเพียรที่จะละเว้น ขัดเกลาและรังเกียจอกุศลธรรมทั้งปวง เพราะผู้มีสติย่อมมีความละอายที่จะไม่พูดเท็จ และละอายต่ออกุศลธรรมทั้งปวง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 26 ธ.ค. 2557

ไม่ผิดศีลข้อมุสา แต่ถ้าขณะนั้นหลงลืมสติก็เป็นอกุศลจิตค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nopwong
วันที่ 28 ธ.ค. 2557

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
peem
วันที่ 31 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 23 พ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ