อยากเรียนสอบถามอาจารย์เกี่ยวกับการตอบไม่ได้คิดครับ
ถ้ามีคนถาม แต่เราตอบแบบไม่คิด ตอบแบบสัญชาตญาณไว้ก่อน แล้วมาคิดอีกทีไม่ใช่แต่ขณะนั้นไม่ได้มีเจตนาโกหก ไม่ทราบผิดศีลข้อมุสาไหมครับ
ขอบคุณและอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สำหรับศีล ข้อ ๔ คือ มุสาวาท ผู้กล่าวจะต้องมีเจตนาที่จะโกหก พูดในเรื่องที่ไม่จริงและรู้อยู่ว่าเรื่องนั้นไม่จริง เมื่อรู้เช่นนี้และมีเจตนากล่าวไปให้ผู้อื่นเข้าใจผิด อย่างนี้จึงจะผิดศีลข้อ ๔ ครับ แต่หากว่าเราไม่รู้ว่าเรื่องนั้นจริง ไม่จริง โดยไม่มีเจตนาที่จะโกหกผู้อื่น อย่างนี้ไม่ผิดศีลข้อมุสาวาท ครับ เหมือนดั่งชาดก ที่เขาไม่รู้ว่าความจริงเป็นเช่นไร คิดว่า ผู้หญิงที่มาด้วยกับอีกท่านเป็นภรรยา แท้ที่จริงเป็นน้องสาว แม้เรื่องนั้นจะไม่จริง ก็ไม่ผิดศีล ข้อ ๔ เพราะ ไม่ได้มีเจตนาที่จะโกหก กล่าวมุสาวาท ครับ
ขออนุโมทนา
การกล่าวสิ่งที่ไม่จริง คำหยาบ คำสอดเสียด คำเพ้อเจ้อ กล่าวทุกขณะ ขณะที่สติไม่เกิด ค่อยๆ ขัดเกลาไปจนกว่าจะค่อยๆ คลาย แล้วจึงละ ยากอย่างนี้นี่เอง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
[เล่มที่ 11] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๑๙๒
มุสาวาทนั้น มีองค์ ๔ คือ มุสาวาทนั้น มีองค์ ๔ คือ
๑. เรื่องไม่จริง
๒. จิตคิดจะพูดให้คลาดเคลื่อน
๓. ความพยายามเกิดจากจิตคิดจะพูดให้คลาดเคลื่อนนั้น
๔. คนอื่นรู้เรื่องนั้น
ถ้าไม่ได้เกี่ยวกับองค์ ๔ ประการ ก็ไม่ใช่มุสาวาท ประโยชน์ที่ควรจะได้พิจารณา คือ เป็นธรรมดาที่ว่าบุคคลผู้พูดเท็จ พูดไม่จริง พูดโกหก ก็เพราะว่ายังมีอกุศลธรรมที่สะสมไว้ในจิตเป็นปัจจัยให้พูดเท็จ ตราบใดที่ยังไม่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระโสดาบันบุคคลขึ้นไป ย่อมล่วงศีลข้อมุสาวาทได้ ตามกำลังของกิเลสที่ได้สะสมมา และที่สำคัญเมื่อเป็นอกุศลกรรมบถที่ครบองค์แล้ว สามารถเป็นเหตุให้ผู้พูดเท็จไปเกิดในอบายภูมิ ทำให้ได้รับความทุกข์ทรมานเดือดร้อนนานาประการ ยากที่จะพ้นไปได้
ในความเป็นจริงแล้ว ปกติในชีวิตประจำวันย่อมจะมีบ้างสำหรับการพูดในสิ่งที่ไม่จริง ซึ่งเป็นไปตามอำนาจของกิเลส ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น แต่ก็ควรที่จะเห็นโทษของอกุศลแม้เล็กน้อย เพราะเหตุว่าอกุศลธรรมที่ได้สะสมไว้ในจิตจะเป็นเหตุให้กระทำกายทุจริต วจีทุจริต และมโนทุจริตได้ และอกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้วนั้น ไม่สูญหายไปไหน ย่อมสะสมสืบต่ออยู่ในจิตทุกขณะ เมื่อถึงคราวที่อกุศลกรรมจะให้ผล ผลก็ย่อมเกิดขึ้น โดยเป็นผลที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่าพอใจ เพราะอกุศลกรรมให้ผลเป็นทุกข์เท่านั้น ไม่สามารถให้ผลเป็นสุขได้เลย
เพราะฉะนั้น ในชีวิตประจำวันจึงควรอย่างยิ่งที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา อบรมเจริญสติปัฏฐานพร้อมกับมีความเพียรที่จะละเว้น ขัดเกลาและรังเกียจอกุศลธรรมทั้งปวง เพราะผู้มีสติย่อมมีความละอายที่จะไม่พูดเท็จ และละอายต่ออกุศลธรรมทั้งปวง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...