บันเทิงในธรรม …ที่ตลาดบางหลวง ร.ศ. 122
หลังจากกลับจากเวียดนามในวันที่ 8 ม.ค. 58 นอนพักผ่อนเอาแรงแล้ว วันรุ่งขึ้นที่ 9 ม.ค. 58 คุณเบญจวรรณ รัศมีสุวรรณกุล เรียนเชิญท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ วิทยากรมูลนิธิและสมาชิกชมรมบ้านธัมมะ ไปพักผ่อนและร่วมสนทนาธรรมที่แพริมน้ำ ตลาดบางหลวง ร.ศ. 122 อ. บางเลน จ. นครปฐม
คุณวันชัย ภู่งามได้อนุเคราะห์ให้ติดรถไปด้วย ซึ่งโชคดีมาก ถ้าไปเองต้องหลงแน่นอน เพราะคิดว่าไปอีกทางหนึ่ง แม้กระนั้น คุณวันชัยผู้ชำนาญเส้นทาง ยังต้องขับรถประทักษิณ 2 รอบ เพราะหลงทาง ต้องถามชาวบ้าน 2 ครั้ง ครั้งแรกถามหาตลาด 100 ปี แต่ไม่ใช่ ต้องถามให้ละเอียดว่า ตลาดบางหลวง ร.ศ. 122 ให้ครบถ้วนจึงไปถูก ให้ไปอีกครั้งก็ยังหลงเหมือนเดิม ผู้จัดเข้าใจหาทางสถานที่จริงๆ ถ้าไม่ใช่คนซอกแซก ไม่มีทางรู้จักตลาดนี้เด็ดขาด
ได้ทราบว่า คณะของคุณเบนและเพื่อนๆ มีคุณปราณีและคุณบรรอรไปนั่งเล่นที่แพริมน้ำนี้มาหลายครั้งในรอบ 2 ปี และชื่นชอบบรรยากาศแบบชนบทริมแม่น้ำท่าจีนที่ลมพัดเย็นสบาย มีปลามากมายรอคนเลี้ยงอาหาร มีคาราโอเกะให้ร้องเพลง มีอาหารแบบบ้านๆ ที่อร่อยหลายอย่าง และเหมือนสหายธรรมส่วนใหญ่ที่ติดใจสถานที่ใด ก็คิดจะเรียนเชิญท่านอาจารย์ และสหายธรรมมาพักผ่อนสนทนาธรรม
แต่วันว่างของท่านอาจารย์น้อยมาก เกือบทั้งปีที่มีผู้เรียนเชิญไปสนทนาธรรมและพักผ่อน มีวันว่างในวันที่ 9 ม.ค. 58 ที่ท่านเพิ่งเดินทางกลับจากไปสนทนาธรรมข้ามปีที่เวียดนามนี้เอง เกรงว่าท่านจะเหนื่อย แต่ท่านก็เมตตาบอกว่า อยู่ที่ไหนก็ต้องนั่ง ต้องยืน ต้องพูด เหมือนๆ กัน ไปที่ไหนมีประโยชน์ก็ควรไป ท่านเคยบอกว่า มีแรงไว้เพื่อทำประโยชน์ ผิดกับเรา ที่คอยแต่นอนเอาแรงให้ร่างกายทำงานสนองความอยาก อยากให้ตาไปดู ไปชมสถานที่ สิ่งของต่างๆ ที่สวยงาม หูได้ฟังเสียงเพราะๆ จมูกได้กลิ่นหอมๆ ลิ้นได้ลิ้มรสอาหารอร่อย กายได้กระทบสัมผัสอากาศเย็นสบาย
สารพัดที่ทำด้วยโลภะ ความติดข้องต้องการในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสสิ่งดีๆ แต่ก็เป็นธรรมะที่เกิดแล้วเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ท่านอาจารย์หรือเรา เป็นเพียงระดับของกุศลจิตที่ห่างไกลกันมาก เพราะความเข้าใจธรรมะต่างกันนั่นเอง
เมื่อกำหนดวันเรียบร้อยแล้ว ท่านอาจารย์เดินทางไปเวียดนาม คุณเบนและคณะก็เตรียมการให้การสนทนาธรรมครั้งนี้สมบูรณ์แบบที่สุด คือ มีชาวบ้านบริเวณนั้นมาฟังให้มากที่สุด แค่มีเพียงผู้ฟังท่านอาจารย์ ทางสถานทีวิทยุหรือโทรทัศน์ ที่ตลาดบางหลวงเพียงคนเดียว ความปรารถนาของเธอก็สำเร็จแล้ว ไม่ใช่มีแต่คนเดิมๆ จากมูลนิธิฯ ไปฟังเท่านั้น เธอนำหนังสือ mp 3 ของ มศพ. ไปมอบให้ผู้ใหญ่สมศักดิ์ ผู้ใหญ่บ้านผู้แข็งขันในประชาสัมพันธ์ตลาดบางหลวง ไปแจกชาวบ้านและชักชวนให้มาสนทนาธรรม พร้อมทั้งให้เปิดตลาดมีการซื้อขายในวันศุกร์ที่ 9 ม.ค. ด้วย ซึ่งธรรมดาจะเปิดขายเฉพาะเสาร์อาทิตย์
เช้าวันที่ 9 ม.ค. 58 ท่านอาจารย์ลงจากรถ และเดินผ่านตลาดไปเรือนแพ คุณยุวดี ชาวบ้านที่นั่นก็เข้ามากราบท่านอาจารย์ ด้วยความซาบซึ้ง เพราะติดตามฟังอาจารย์มานานนับ 10 ปี เธอเรียนเชิญท่านอาจารย์ไปที่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อถ่ายภาพเป็นที่ระลึกและพบสามีที่ฟังธรรมด้วยกัน เพียงคนแรกที่ได้พบ ก็ทำให้คณะปลื้มปีติอย่างยิ่งที่ความปรารถนาสำเร็จแล้ว
และต่อมาก็มีคุณหมอคงเดช ที่ติดตามฟังธรรมมาตั้งแต่เด็ก เป็นเวลา 40 ปีมาร่วมฟังธรรมด้วย และชาวบ้านอีกหลายท่านที่ฟังธรรมมานานแต่ไม่เคยพบท่านอาจารย์เลย มีแม่ลูกคู่หนึ่งเหมาแท๊กซีมาเพื่อฟังธรรม น่าอนุโมทนาผู้เห็นประโยชน์ของการเข้าใจธรรมะว่า ทำให้ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไป คือ ค่อยๆ มีความเห็นถูกในการกระทำต่างๆ เริ่มด้วยขั้นศีลธรรมเบื้องต้นรู้ว่า สิ่งใดดีควรเจริญให้มากขึ้น และสิ่งใดไม่ดีควรขัดเกลา และรู้ว่า “ควรทำดีและศึกษาพระธรรม” จนกระทั่งค่อยๆ เข้าใจเพิ่มขึ้นว่า ทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรมะ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เกิดปรากฏให้รู้ เพราะเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไป ไม่กลับมาอีกเลย ซึ่งความเข้าใจนี้เป็นหนทางทำให้ชีวิตที่เกิดมาชาติหนึ่งมีประโยชน์ที่สุด เพราะความเข้าใจนี้จะสะสมอยู่ในจิต ไม่หายไปไหน และเพิ่มพูนมากขึ้นเมื่อฟังให้เข้าใจยิ่งขึ้น
การสนทนาธรรมวันนั้นผ่านไปด้วยดี ลมพัดสบาย อาหารอร่อย มีคนมาฟังธรรมเต็มแพ รายละเอียดการสนทนาธรรม คุณวันชัย ภู่งาม คงรายงานใน “ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ตลาดบางหลวง”
แม้จะมีเสียงรบกวนจากเครื่องขยายเสียง ของงานบวชนาคฝั่งตรงข้าม จนไม่สามารถสนทนาธรรมได้บางช่วงก็ตาม แต่คุณเบนกับผู้ใหญ่สมศักดิ์ ก็แก้ปัญหาได้ด้วยการเจรจา ซึ่งได้ผลในช่วงเช้า แต่พอช่วงบ่ายก็เริ่มส่งเสียงดังอีก อาจเป็นเพราะตอนพักรับประทานอาหารกลางวัน พี่เรวัตกับน้องปราณี ไปร้องคาราโอเกะขับกล่อมสหายธรรม
บ้านงานบวชตรงข้าม จึงเปิดเพลงใส่เครื่องขยายเสียง 3 เครื่องแข่งก็ได้ ท่านอาจารย์บอกว่า เราต้องเห็นใจเขาด้วย อย่าคิดว่าการสนทนาธรรมของเราสำคัญอย่างเดียว เพราะงานบวชของเขาก็สำคัญ และเขาคงไม่ได้บวชบ่อยๆ อย่าลืมว่า เสียงดังที่ได้ยินก็เป็นธรรมะเหมือนกัน แต่เรายังไม่เข้าใจพอ จึงพิจารณาไม่ได้ว่า เป็นธรรมะ อยากจะฟังแต่เสียงบรรยายธรรม ที่ทำให้เข้าใจเพิ่มขึ้นเท่านั้น ได้ยินเสียงอื่นทำให้เกิดโทสะอย่างเดียว แล้วยังไม่รู้อีกว่า โทสะก็เป็นธรรมะ ไม่ใช่เราโกรธ แต่อย่างไรก็ตามคุณเบนไม่ยอมแพ้ ส่งผู้ใหญ่สมศักดิ์ไปเจรจาอีกรอบซึ่งได้ผล ยอมปิดเครื่องขยายเสียงให้ จึงสนทนากันต่อได้
จบการสนทนาธรรมตอนบ่ายสามโมงครึ่ง คุณเบนและทีมงานช่วยกันแจกเสื้อทีเชิร์ตของตลาดบางหลวง เป็นของชำร่วยเพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ แจกขนมอร่อย และเชิญชวนสมาชิกเลี้ยงอาหารปลา แล้วพวกเราเดินซื้อของที่ตลาดที่ขายหมดเกลี้ยง ขายดีจนไม่พอขาย
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ ที่กรุณาสละเวลาวันพักผ่อน มาทำประโยชน์ด้วยการเผยแพร่ความเข้าใจธรรมะของท่านแก่ผู้สนใจ และขออนุโมทนาคุณเบญจวรรณ รัศมีสุวรรณกุล และเพื่อนๆ ทีมงาน คุณปราณี คุณบรรอร ที่มีจิตกุศลต้องการช่วยเผยแพร่ให้พระพุทธศาสนาตั้งมั่นไม่เสื่อมจากความเข้าใจของผู้คนเร็วเกินไป และพวกเราต้องไม่ลืมว่า ตนเองต้องเข้าใจพระธรรมด้วย พระธรรมจึงไม่เสื่อมจากความเข้าใจของเรา ซึ่งสำคัญที่สุด
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบท่านอาจารย์
ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่แดง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของคุณเบญจวรรณ รัศมีสุวรรณกุล และ คณะเพื่อนๆ คือ คุณปราณีและคุณบรรอร เป็นต้น สำหรับเวลาที่มีค่ายิ่งในวันนั้น เป็น ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ได้สะสมความเข้าใจ ในความจริงที่ได้ทรงแสดงไว้ ประทับใจ กับคำกล่าวของพี่แดง ที่ดูเหมือนธรรมดามากๆ ที่กล่าวด้วยความตรงและจริงใจ จากการที่ได้ติดตามฟังท่านอาจารย์มาหลายสิบปีว่า...
"...พวกเราต้องไม่ลืมว่า ตนเองต้องเข้าใจพระธรรมด้วย พระธรรมจึงไม่เสื่อมจากความเข้าใจของเรา ซึ่งสำคัญที่สุด..."
กราบอนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เบญ พี่ม๊อ พี่บรรอร คุณวันชัย คุณพ่อ คุณแม่และทุกๆ ท่าน ที่ได้ร่วมกันเจริญกุศลครั้งนี้ด้วยค่ะ