เคยเปรียบเทียบกับคนอื่นหรือไม่

 
มะลิ
วันที่  6 ม.ค. 2550
หมายเลข  2604
อ่าน  1,221

บางครั้งเราก็รู้สึกว่าทำไมทั้งอ่านหรือฟังธรรมแต่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าคนอื่นๆ (ชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น) ทำให้รู้สึกท้อเป็นบางครั้ง มีใครเคยเป็นแบบนี้ไหม


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 7 ม.ค. 2550

เป็นธรรมดาของผู้มีกิเลส เมื่อมีปัจจัยย่อมเกิดโลภะ โทสะ โมหะ มานะ อิสสาริษยา ความตระหนี่ เป็นต้น เพราะยังละกิเลสเหล่านี้ยังไม่ได้ เมื่อมีปัจจัยกิเลสเหล่านี้ย่อมเกิดขึ้นกระทำกิจการงาน แต่ทั้งหมดเป็นแต่เพียงสภาพธรรมอย่างหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่ตัวเรา ที่สำคัญเมื่อศึกษายังไม่เข้าใจควรพยายามศึกษาต่อไปการท้อแท้ท้อถอย ไม่มีประโยชน์อะไร คนอื่นฟังธรรมเข้าใจได้ เราก็ต้องฟังธรรมเข้าใจได้เหมือนกัน

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
devout
วันที่ 7 ม.ค. 2550

คงไม่ใช่แต่เรื่องธรรมนะคะ เรื่องอื่นเราก็คงเคยเปรียบเทียบมาแล้วเหมือนกัน เป็นธรรมดาค่ะ ถ้ายังมีความเป็นเรา เป็นของเราอยู่ ควรศึกษาพระธรรมต่อไปให้มีความเข้าใจมากขึ้น จิตย่อมน้อมไปในทางกุศลเพิ่มขึ้น ปัญญาที่เกิดจากการฟังและการพิจารณา จะเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้สติสัมปชัญญะเกิดง่ายและไวขึ้นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pornpaon
วันที่ 7 ม.ค. 2550

ขออนุโมทนาค่ะ เคยคิดเปรียบเทียบ แต่ไม่เคยถอยค่ะ เพราะเข้าใจว่าการถางป่าชัฏ (ความตั้งใจค่อยๆ ขัดเกลากิเลส) ด้วยมือตัวเองกับพร้าอีกหนึ่งด้ามนั้น (พระธรรมคำสอน) ต้องใช้เวลามาก อดทน ตั้งใจ ถากถางกันมาตลอดทั้งชีวิต ก็ยังไม่แน่ว่าป่าจะเตียนไปได้สักกี่ตารางวา อาจจะต้องตายแล้วตายอีก เกิดแล้วเกิดอีก เพื่อมาถางป่าเดิมนั้นแหละให้มันเตียน ไม่เหลือแม้แต่รากของหญ้าสักต้น ขอเป็นกำลังใจให้ตั้งใจต่อไปนะคะ ท้อแท้ได้แต่อย่าท้อถอยเลยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 7 ม.ค. 2550

ฟังธัมมะเพื่ออะไร ก็เพื่อเข้าใจ ไม่ใช่อย่างอื่น โลภะจะคอยแทรกเข้ามาเสมอ หวังผลในการศึกษาบ้าง เร่งรัดอยากได้ผลของการอบรม หรือคิดว่าเมื่อไรสติจะเกิดซักที แต่ถ้าฟังเพื่อเข้าใจเท่านั้น ก็จะไม่มีปัญหาเดือดร้อน เพราะเข้าใจว่า ทุกอย่างเกิดจากเหตุปัจจัย เมื่อยังไม่เข้าใจ จะทำให้เข้าใจก็ไม่ได้ เมื่อเข้าใจว่าทุกอย่างเกิดแต่เหตุปัจจัยก็จะศึกษาธัมมะด้วยความเบาไม่หนัก ถ้าศึกษาผิด ก็จะเริ่มหนัก คิดว่าตรงนี้เรายังไม่รู้ ต้องรู้ให้ได้ ไม่เป็นไปเพื่อละคลายกิเลสเลย แต่ถูก กิเลส คือโลภะ แฝงมาอีกแล้วโดยไม่รู้ตัวแม้แต่เรื่องการศึกษา ดังนั้น โลภะจึงเป็นเครื่องเนิ่นช้า อย่างหนึ่งในการรู้แจ้งอริยสัจธรรมครับ สุดท้ายก็ต้องกลับมาเริ่มต้นอีกเหมือนเดิมและถามตัวเองว่าศึกษาธัมมะเพื่ออะไร

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
มะลิ
วันที่ 7 ม.ค. 2550

ขออนุโมทนาในคำตอบของทุกท่านค่ะ จะพยายามต่อไป

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 8 ม.ค. 2550

อย่าท้อแท้นะค่ะ อดทนฟังต่อไปค่ะ แล้ววันหนึ่งจะเข้าใจค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ละอ่อนธรรม
วันที่ 9 ม.ค. 2550

ยอมรับว่ามีการเผลอเปรียบเทียบบ้างครับ แต่เปรียบเทียบกับคนที่ไม่มีโอกาสได้รู้ได้เข้าใจในพระธรรมของพระพุทธเจ้าเหมือนอย่างเรา บางครั้งก็อดเปรียบเทียบกับคนที่ร่ำรวยเงินทองโชคลาภวาสนามากกว่าผม แต่ว่าผมรู้สึกปลื้มใจเหลือเกินที่โชคดีในเรื่องการได้มาเรียนรู้เข้าใจในพระธรรมมากกว่าเค้า และไม่เคยนึกน้อยใจในโชควาสนาของตัวเองที่ไม่ได้ร่ำรวยลาภยศเงินทองเท่ากับเค้า เพราะถึงเค้าจะเอาเงินทองที่มีอยู่ทั้งหมดมาแลกกับความเข้าใจและโอกาสในการเรียนรู้พระธรรมกับผม

ผมก็คงไม่ยอมแลกด้วยเพราะทุกวันนี้สุขใจเหลือเกินและคิดว่าตัวเองโชคดีเหลือเกิน โชคดีกว่าใครอีกหลายๆ พันล้านคนทั่วโลก โชคดีที่ได้เกิดเป็นคนไทย โชคดีที่ได้เกิดในศาสนาพุทธ โชคดีที่ได้มาเรียนรู้ศึกษาพระธรรม โชคดีที่ได้รู้จักเว็บบ้านธัมมะ โชคดีที่ได้ฟังธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ โชคดีที่ได้เข้าใจพระธรรมมากขึ้น โชคดีที่เชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรมหรือการให้ผลของกรรมว่ามีจริง โชคดีอย่างที่เอาเงินมากมายมหาศาลเท่าใดมาแลกความโชคดีเหล่านี้ไปทั้งหมด

ผมก็คงจะไม่ยอม แต่ไม่ค่อยจะได้เปรียบเทียบระหว่างคนที่ศึกษาธรรมด้วยกันว่า ใครจะรู้มากรู้น้อยกว่ากัน เพราะผมเองเห็นคนอื่นได้รู้ธรรมมากกว่าเรา ก็มักจะยินดีอนุโมทนาด้วยทุกครั้งและผมเองเชื่อว่า หลายๆ คนก็จะเป็นเช่นนี้ คือ มักจะยินดีถ้าได้รู้ว่าใครได้มีโอกาสเข้ามาสู่พระธรรมหรือได้มีโอกาสมาเรียนรู้หรือฟังธรรมมากขึ้น บางคนถึงกับกุลีกุจอหาหนังสือมาให้อ่าน หาลิ๊งค์มาให้ดาวน์โหลดคลิปบรรยายธรรม ฯลฯ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่มักไม่เห็นใครหวงกันความรู้กัน แต่มักจะส่งเสริมกันและกัน และยินดีที่ผู้อื่นได้มีโอกาสเรียนรู้ศึกษาธรรมเหมือนกับเรา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 16 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ