อุปาทานขันธ์
เรียน อาจารย์ทั้งสองท่าน
"อุปาทานขันธ์" ขอความอนุเคราะห์อาจารย์ช่วยกรุณาให้อรรถาธิบายในคำนี้ด้วยครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อุปาทานขันธ์ ๕ คือ สภาพธรรมที่เป็นขันธ์ ๕ เช่นกัน แต่เป็นที่ตั้งที่ยึดถือของโลภะ เป็นต้น จึงเป็นอุปาทานขันธ์ ๕ ซึ่งก็คือสภาพธรรมที่มีจริงทั้งหมด เว้นแต่โลกุตตรธรรม ครับ ซึ่งโลภะไม่สามารถติดข้องได้ ไม่สามารถยึดถือได้ จึงไม่เป็นอุปาทานขันธ์ ๕
ดังนั้น อุปทานขันธ์ ๕ จึงหมายถึง ที่ตั้งที่เป็นยึดถือ ของโลภะ ก็หมายถึง สภาพธรรมที่มีจริงทั้งหมด ยกเว้น โลกุตตรธรรม ๙ ที่เป็นมรรคจิต ๔ ผลจิต ๔ และนิพพาน ส่วนสภาพธรรมที่เหลือ ที่เป็นอุปทานขันธ์ ๕ คือ จิตและเจตสิกที่เหลือและรูปทั้งหมด คือ สภาพธรรมที่เป็นขันธ์ ๕ นั่นเอง ที่ยกเว้น โลกุตตรธรรม ๙ เพราะฉะนั้นอุปทานขันธ์ ๕ จึงกว้างกว่า อุปาทาน ๔ เพราะ อุปทาน ๔ คือ โลภะเจตสิกและทิฏฐิเจตสิก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ อุปาทานขันธ์ ๕ คือ เป็นส่วนของ สังขารขันธ์ ครับ
จึงกล่าวโดยสรุปได้ว่า อุปทานขันธ์ ๕ เป็นสภาพธรรมที่เป็นที่ตั้งของการยึดถือ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อุปาทานขันธ์ คือ ขันธ์อันเป็นที่ตั้งที่ยึดถือของอุปาทาน มี ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นสภาพธรรมที่มีจริงที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
อุปาทาน เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นความยึดมั่นถือมั่น สภาพธรรมที่ยึดมั่นถือมั่นย่อมไม่พ้นไปจาก โลภะ (โลภเจตสิก) และ ทิฏฐิ (ทิฏฐิเจตสิก) ซึ่งเป็นความเห็นผิด เมื่อกล่าวโดยสรุปแล้ว อุปาทานเป็นกิเลสที่ยึดมั่นถือมั่น ดังนั้น อุปาทานจึงไม่มีเฉพาะตัณหาหรือโลภะเท่านั้น ยังมีความเห็นผิดที่เป็นสภาพธรรมที่ยึดมั่นถือมั่นด้วย ธรรมเป็นจริงอย่างไร ก็ต้องเป็นจริงอย่างนั้น ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ นี้คือ ปรมัตถธรรม สภาพธรรมที่จริงที่สุด
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทั้งหมดทั้งปวง เพื่อให้ผู้ฟัง ผู้ศึกษาได้เข้าใจตามความเป็นจริง ไม่ว่าจะได้ฟังได้ศึกษาจากคำใด ก็คือ เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...