ขอความสว่างทางปัญญาด้วยครับ
ผมมีข้อสงสัยในธรรมมากมายสุดจะพรรณา และผมได้เข้าฟังท่านอาจารย์เป็นครั้งแรก ผมรู้สึกดีมากครับ ความคิดของผมผมมองธรรมคือทุกสิ่งที่อยู่ในโลก เช่น ต้นไม้ ผมมองแค่รู้ว่าเป็นต้นไม้ ผมจะไม่คิดต่อไปว่ามันมีอะไรเป็นส่วนประกอบของมัน มันต้องการแสงอาทิตย์เป็นอาหาร หรือมันมีกีใบ มันต้องการอะไรบ้าง ผมมองง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ แล้วก็ปล่อย เหมือนกับผมฝึกปฏิบัติธรรมโดยใช้จิตของตนเองเป็นตัวรับรู้อารมณ์ที่มากระทบจิต ใช้สติเป็นตัวกรอง และใช้ปัญญาเป็นตัวรู้และเข้าใจ (ไม่ใช้ความจำ) เพราะความจำไม่ใช่ปัญญา แล้วผมก็ปล่อยวางอารมณ์ต่างๆ ไปตามลำดับ และมันก็มีการเกิดดับของอารมณ์ต่างๆ เกิดดับแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ผมก็พิจารณาอารมณ์เหล่านี้ไปเรื่อยๆ รู้บ้างไม่รู้ ผมก็ไม่ยึดติดในตัวรู้ เพราะทุกสรรพสิ่งบนโลกเป็นสิ่งสมมติทั้งสิน ผมปฏิบัติแบบนี้มันรู้สึกว่ามันเห็นผลได้ขณะนั้นเลย ใจมันสบายขณะนั้นจริง จากที่จิตมันถูกกระตุ้นด้วยอารมณ์พอใจและไม่พอใจ มันก็รู้ (รู้เท่าทันอารมณ์ดังกล่าว ไม่หลงไปยินดียินร้ายกับมันใครจะว่าจะชม มันก็รู้ มันไม่ยินดียินร้ายกับอารมณ์เลย (ใจมันปกติ)
ผมฝึกแบบนี้มันถูกทางหรือเปล่า คนส่วนใหญ่บางคนพูดดี พูดเพราะ ท่าทางดี สวมเสื้อผ้าสวยงาม หรือนุ่งขาวห่มขาว รู้ธรรมว่าตัวนี้คือเรียกว่าอะไร อารมณ์นี้เรียกว่าอะไร มีกี่ชั้น อะไรบ้าง แต่เมื่อมีอารมณ์ไม่พอใจเกิดขึ้นบุคลผู้นั้น หลงไปตามอารมณ์ มีความโกรธเกลียดผู้อืนหรือโกรธศัตรูที่อยู่ภายนอก เขาผู้นั้นถือว่าเป็นคนที่ขาดสติ ปัญญาหรือไม่ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรมต้องเป็นไปตามลำดับเพราะพระธรรมของพระพุทธเจ้าละเอียดลึกซึ้ง ยากที่จะเข้าใจ และไม่ใช่เรื่องของการคิดเอง เพราะฉะนั้น ปัญญาเริ่มต้นในขั้นการฟัง คือ ธรรม คืออะไร หากไม่เข้าใจว่าธรรม คือ อะไร ย่อมเข้าใจสิ่งต่อๆ ไป มีการปฏิบัติ เป็นต้นผิดไปหมด เพราะความจริง ธรรม ไม่ได้หมายถึง ธรรมชาติ อย่างที่ทุกคนเข้าใจ แต่หมายถึงสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็น จิต เจตสิกและรูป ที่เป็นธรรมไม่ใช่เรา เริ่มจากความเข้าใจตรงนี้ ไม่ต้องไปทำ ไปจดจ้อง ไปพยายามรู้ ตามรู้อะไรทั้งสิ้น เพราะ หนทางที่ถูก คือ เข้าใจในขั้นการฟังไปเรื่อยๆ สมกับคำว่า สาวก คือ ผู้สำเร็จจากการฟัง เพราะ หนทางที่ถูก คือ หนทางที่เข้าใจ ไม่ใช่หนทางที่จะทำ เมื่อเข้าใจเช่นนี้ จะไม่ทำอย่างอื่น แต่ฟังเรื่องสภาพธรรมให้มั่นคงว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา และ จะไม่พยายามปล่อยวาง ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น เพราะธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา บังคับ สติและปัญญาไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น ถ้ายังไม่เข้าใจพื้นฐานที่ถูกต้อง การปล่อยวาง การรู้เท่าทัน ก็เป็นเพียง โลภะ ต้องการที่เป็นเรา ที่รู้ ไม่ใช่ความเข้าใจถูก ครับ เพราะฉะนั้น ขอให้กลับมาตั้งต้น ค่อยๆ ฟังต่อไป ซึ่งในเวปไซต์นี้ มีไฟล์เสียง และหนังสือให้อ่านดีๆ อันจะเป็นการปูพื้นฐานให้เข้าใจถูก ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรม ไม่ง่าย ไม่ใช่สิ่งที่จะเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว จึงต้องเป็นผู้เห็นประโยชน์จริงๆ มีความอดทน มีความเพียร มีความจริงใจที่จะฟัง ที่จะศึกษาพระธรรมด้วยความไม่ประมาท
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นเรื่องที่ละเอียด ลึกซึ้ง แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ ตามความเป็นจริง ไม่ว่าจะทรงแสดงในส่วนใดก็ตาม ย่อมไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ โดยโวหาร โดยพยัญชนะต่างๆ ทั้งหมดทั้งปวงเพื่อให้เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริง อันเป็นธรรมที่ละเอียดยิ่ง ที่หาความเป็นสัตว์เป็นบุคคล เป็นตัวตน ไม่ได้เลย สำคัญที่ความเข้าใจถูก เห็นถูกของผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษาอย่างแท้จริง ถ้าเป็นผู้ที่มีความละเอียดรอบคอบ ไม่ประมาทพระธรรมว่าง่าย ศึกษาด้วยความตั้งใจ ความเข้าใจก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับ พระธรรมแม้จะยาก แต่ก็ไม่เหลือวิสัยที่จะเข้าใจได้
สำคัญ คือ ไม่ขาดการฟัง ไม่ขาดการศึกษาพิจารณาไตร่ตรอง ไม่ว่างเว้นจากการฟังพระธรรม และมีจุดประสงค์ที่ถูกต้องในการศึกษาว่า เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง เรื่องการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม เป็นเรื่องที่ไกลมาก คงยังไม่ต้องพูดถึงในชาตินี้ แต่จะต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนานในการสะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกต่อไป เมื่อสะสมกุศลและอบรมเจริญปัญญาต่อไป เมื่อปัญญาเจริญขึ้นก็ย่อมจะเป็นเหตุให้ถึงการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสตามลำดับขั้นได้
เพราะฉะนั้น ในเมื่อพระธรรมละเอียดลึกซึ้ง ก็ยิ่งจะต้องมีความอดทนเป็นอย่างยิ่งที่จะค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย เป็นการศึกษาพระธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ใช่คิดเอาเอง และจุดประสงค์ในการศึกษาต้องตรง คือ เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ขัดเกลาความไม่รู้ ซึ่งมีมากเป็นอย่างยิ่ง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน...
คำกล่าวของท่านอาจารย์สุจินต์ "ฟังไว้ ฟังไว้ เข้าใจไว้ เข้าใจไว้" เท่านั้นค่ะ
สาธุ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า
ขอกราบแทบเท้าบูชาพระคุณท่านอ.สุจินต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอกราบขอบพระคุณ และ อนุโมทนากุศลวิยริยะ อ.ทั้งสองท่าน
ขอเป็นกำลังใจให้คุณ Pharang123 ไม่ขาดการฟัง ไม่ขาดการศึกษาพิจารณาไตร่ตรอง ไม่ว่างเว้นจากการ ฟังพระธรรม และมีจุดประสงค์ที่ถูกต้องในการศึกษาว่า เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ในลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง สมกับคำว่า สาวก คือ ผู้สำเร็จจากการฟัง เพราะ หนทางที่ถูก คือ หนทางที่เข้าใจ ไม่ใช่หนทางที่จะทำ ตามที่ อ.ทั้งสองชี้แนะ เพราะได้ประสบกับตัวเองแล้วว่า การฟังพระธรรมของพระพุทธเจ้า ที่ท่านอ.สุจินต์และคณะวิทยากร มศพ.เมตตาถ่ายทอดนั้น นำไปสู่ความเข้าใจ และเห็นถูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และต้องฟังต่อๆ ไปในทุกวันที่มีชีวิตเหลืออยู่ค่ะ เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ
ขออนุโมทนา