ความเชื่อเกี่ยวกับพิธีพุทธาภิเษก

 
natural
วันที่  15 ก.พ. 2558
หมายเลข  26184
อ่าน  3,421

รบกวนเรียนถามว่าพิธีพุทธาภิเษกในทางพุทธศาสนาเป็นอย่างไร วัตถุ เช่น เหรียญ ทำพิธีพุทธาภิเษก แล้วจะมีความศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่ สามารถอธิบายด้วยเหตุและผลได้หรือไม่ หรือเป็นสิ่งที่ไม่เชื่อแต่ไม่ควรลบหลู่ ถ้าไม่เชื่อเพราะไม่สามารถรับรู้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้หรือไม่สามารถคิดได้ด้วยเหตุและผลเป็นการลบหลู่หรือไม่ (คล้ายๆ กับกล่าวตู่ คือ บางครั้งก็ไม่ทราบว่ากล่าวตู่หรือไม่)

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 15 ก.พ. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การจะได้รับสิ่งที่ดี ได้รับผลของกรรมที่ดี ต้องมีเหตุ ดังนั้นเหตุที่จะได้รับสิ่งที่ดีที่ เป็นผลของกรรมดี ได้รับการช่วยเหลือ เป็นต้น เพราะกรรมดีที่เป็นกุศลกรรมทีได้ทำมา ให้ผลนั่นเองครับ ดังนั้นจึงไม่ใช่เกิดจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือดลบันดาล ให้เราได้รับสิ่งที่ดี หากไม่มีกรรมดีที่ทำมาแล้ว ก็จะไม่มีทางได้รับสิ่งที่ดีได้เลย เพราะการช่วยเหลือหรือการได้รับสิ่งที่ดี ที่เป็นผลของกรรมดี เหตุจะต้องตรงกับผลคือเกิดจากการกระทำที่ดีนั่นเองที่เป็นเหตุครับ

ดังนั้น สิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่สามารถที่จะมีใคร มีสัตว์ บุคคล บันดาลให้ ไม่มี เพราะมีแต่สภาพธรรม ที่เป็นจิต เจตสิก และรูปที่เกิดขึ้นเป็นไป ไม่มีสัตว์ บุคคล เมื่อไม่มีสัตว์ บุคคล ก็ไม่มีใครบันดาลและไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสัตว์ บุคคลด้วย เพราะฉะนั้น ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ที่เป็นไปตามสัจจะ ความจริง ศักดิ์สิทธิ์ไม่เปลี่ยนแปลง คือ ทำดีก็ย่อมได้รบผลดี ทำชั่วก็ได้รับผลชั่ว การได้รับการช่วยเหลือ ได้รับสิ่งที่ดี ก็เพราะการทำดีเป็นปัจจัยนั่นเองครับ ดังนั้น กรรมต่างหากที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะแม้เทวดา พรหมที่คิดว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่พ้นไปจากกรรม และตัวเทวดาเองและพรหมเอง ก็ต้องได้รับผลของกรรมที่ตัวเองทำมา ไม่สามารถบันดาลให้ตัวเองไม่ตาย ได้รับผลของกรรมดีได้ตลอด เพราะเป็นไปอำนาจความศักดิ์สิทธิ์ของกรรม ไม่ใช่เพราะของตัวเองครับ จึงไม่ใช่พรหมลิขิต ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสัตว์ บุคคล แต่เป็นกรรมลิขิต คือ สัตว์ทั้งหลายเป็นไปตามกรรม ครับ

เพราะฉะนั้นที่น่าพิจารณาว่า วัตถุ เหรียญ มงคลที่ได้รับการปลุกเสก พระเครื่อง แท้ที่จริง ในสภาพธรรมก็คือ รูปธรรม ที่เป็นธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม เท่านั้น เป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร ไม่สามารถจะดลบันดาล และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เลย เพราะ สภาพธรรมที่จะให้ผลดี ไม่ดี คือ สภาพธรรมที่เป็นนามธรรม คือ จิต เจตสิก ที่เกิดขึ้น เป็นวิบากจิต เป็นผลของกรรม ที่เกิดจากการทำดี และ ไม่ดี ซึ่งกรรมจึงศักดิ์สิทธิ์ คือ ตรงต่อเหตุผลและยุติธรรม พุทธาภิเษก จึงไม่ใช่การที่ทำให้สิ่งใดศักด์สิทธิ์ แต่พระพุทธเจ้าทรงภิเษกสัตว์โลกให้เข้าใจถูก เกิดปัญญา ดับกิเลส ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เป็นสำคัญ ครับ

คำว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ในพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของเหตุผล ความจริง ที่ไม่เชื่อ เพราะความจริงไม่ใช่เป็นอย่างนั้น จึงไม่ลบหลู่ แต่ปฏิเสธในสิ่งที่ไม่จริง ด้วยความจริงอันเกิดจากปัญญา ความเห็นถูกเป็นสำคัญนั่นเอง ครับ ขณะนั้นเป็นกุศลที่เข้าใจถูก จะไม่นำมาซึ่งสิ่งที่ไม่ดี อันเกิดจากความเห็นถูก ที่ปฏิเสธในสิ่งที่เป็นความเชื่อผิดเลย เพราะกุศลย่อมให้ผลในสิ่งที่ดีเท่านั้น ขออนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 15 ก.พ. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อถือว่ามีอำนาจอาจบันดาลให้สำเร็จได้ดังประสงค์ ของขลัง เช่น วัตถุมงคลนั้น ไม่มีในคำสอนทางพระพุทธศาสนา บุคคลผู้ที่ถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งย่อมไม่ใส่ใจในสิ่งเหล่านี้ เพราะธรรมทั้งหลายย่อมเป็นไปตามเหตุ ถ้าภิกษุรูปใดก็ตามที่มีการทำการปลุกเสกของขลัง นั่นไม่ใช่พระภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนส่งเสริม ไม่ต้องไปเกรงใจกับความเห็นและการกระทำที่ไม่ถูกต้อง

พระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้วเท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องป้องกันความเห็นผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง พระธรรมย่อมจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาอย่างแท้จริง ทำให้มีความมั่นคงในความเป็นจริง มั่นคงในความถูกต้อง ไม่หวั่นไหวคล้อยตามในสิ่งที่ผิด ไม่ตรงตามพระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะคำสอนของพระองค์เกิดจากพระปัญญาตรัสรู้ ซึ่งกว่าจะได้ทรงตรัสรู้นั้น ต้องอาศัยการสะสมพระบารมีมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน สิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้และทรงแสดง ย่อมไม่พ้นจากสิ่งที่มีจริง แม้แต่ในเรื่องกรรมและผลของกรรม ก็เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น เพราะสภาพธรรมที่เกิดแล้วดับไปทุกประเภท ไม่มีเลยที่จะเกิดโดยปราศจากเหตุปัจจัย ล้วนเกิดจากเหตุปัจจัยทั้งสิ้น ซึ่งแสดงถึงความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม ที่ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น

เมื่อได้ฟัง ได้ศึกษาในเรื่องกรรมและผลของกรรม ก็จะทำให้เข้าใจละเอียดยิ่งขึ้น มีความมั่นคงในเรื่องกรรมเพิ่มขึ้น คือ มีความจริงใจที่จะสะสมเหตุที่ดี คือ กุศลทุกประการต่อไป พร้อมกันนั้นก็ละเว้นในสิ่งที่ไม่ดี ที่ไม่ควร ซึ่งเป็นกุศลกรรม และมีความมั่นคงในเรื่องผลของกรรม ด้วย กล่าวคือ เมื่อได้รับผลของกุศลกรรม ก็จะไม่โทษคนอื่น แต่เข้าใจความจริงเพิ่มขึ้นว่า ในเมื่อเป็นกุศลกรรมที่ตนได้กระทำไว้ ผลที่ไม่น่าปรารถนาจึงเกิดขึ้น ไม่ใช่คนอื่นกระทำให้เลย ผลที่ไม่ดีจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีเหตุที่ไม่ดี คือ อกุศลกรรมที่ตนได้กระทำไว้แล้ว หรือ ถ้าได้รับผลของกรรมที่ดี ก็จะเป็นผู้ไม่หลงระเริง ไม่มัวเมาด้วยอำนาจของกุศลธรรม ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงนั้นต้องเป็นผู้ที่มีปัญญา อันเริ่มจากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน นั่นเอง ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ธุลีพุทธบาท
วันที่ 15 ก.พ. 2558

"พระธรรม" คือ สิ่งที่มีค่าประเสริฐสุด เพราะเป็นที่พึ่งให้เกิดความเข้าใจจริงๆ

ขอกราบนมัสการอย่างสูงสุดแด่พระรัตนตรัย

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาอาจารย์ผเดิม และอาจารย์คำปั่น เป็นอย่างสูง

ที่ให้ความเข้าใจพระธรรมที่ถูกต้อง ด้วยคำตอบที่ไพเราะอย่างยิ่ง

ทำให้มั่นคงขึ้นในเรื่องของ "กรรม" และ "ผลของกรรม"

ซึ่งไม่ใช่ใครเลยทั้งสิ้น แต่เป็น "ธรรม" ทั้งหมดที่เป็นไปตามเหตุ ตามปัจจัยจริงๆ

เป็นกุศลวิบากที่หาได้ยากในสังสารวัฏฏ์ที่ได้มีโอกาสได้อ่านคำตอบที่ไพเราะนี้

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาอีกครั้ง ครับ.

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
แต้ม
วันที่ 16 ก.พ. 2558

คำว่า "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" เป็นคำที่ใช้ได้ดีสำหรับคนที่ไม่ได้ใช้ปัญญา ได้เป็นอย่างดี เมื่อก่อนผมก็นิยมพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง หรือวัตถุมงคลต่างๆ อยู่พอสมควร หลังจากที่ผมได้ศึกษาพระธรรมแล้ว ผมอาราธนาพระเครื่องที่แขวนอยู่ไว้หิ้งพระแล้วครับ บูชาเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของพระพุทธเจ้าที่ท่านอุตส่าห์ทำความดีให้เห็นให้ประจักษ์แจ้ง ว่าทำดีได้ดี ทำชั่วก็ย่อมได้ชั่ว แล้วจะมีสิ่งอื่น หรือสิ่งใดช่วยให้เราประสบความสุข หรือความทุกข์ได้หรือ โดยเฉพาะพระที่ทำพิธีพุทธาภิเษกตามโอกาสต่างๆ นั้น พระที่กระทำพิธีพุทธาภิเษก มีคุณสมบัติอย่างไรถึงได้มาเสกให้พระเครื่อง (สัญญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า) ให้มีฤทธิ์หรือสามารถดลบันดาลตามต้องการได้ ไม่มีอะไรที่ได้ด้วยการขอหรอกครับ ถ้าไม่เช่นนั้นทุกคนในโลกนี้ก็จะไม่มีความทุกข์หรอกครับ แต่ทุกสิ่งเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ช่วยให้ความกระจ่างครับ ขอให้ศึกษาพระธรรมเนืองๆ นะครับ แล้วจะมีความเห็นถูก โดยไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดเลยครับ

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
peem
วันที่ 16 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Chalee
วันที่ 16 ก.พ. 2558

สาธุค่ะ.

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Dechachot
วันที่ 16 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ผู้มีความประมาท
วันที่ 17 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
tee
วันที่ 17 ก.พ. 2558

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
thilda
วันที่ 18 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาอาจารย์ทั้งสองท่านอย่างยิ่งค่ะ

เห็นด้วยกับความเห็นที่ 3 ทุกประการ

และการศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ที่ตรงและละเอียด

จึงจะมีความเข้าใจและมั่นคงขึ้นได้

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
papon
วันที่ 18 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์ทั้งสองท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 25 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
Jarunee.A
วันที่ 7 มี.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ