กายลหุตาและจิตลหุตา

 
papon
วันที่  18 ก.พ. 2558
หมายเลข  26193
อ่าน  3,163

เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน

"กายลหุตาและจิตลหุตา" ขอความอนุเคราะห์อาจารย์ช่วยกรุณาให้อรรถาธิบายเกี่ยวกับสองคำนี้ด้วยครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 18 ก.พ. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขณะใดที่จิตดีงามเกิดขึ้น จะต้องมี กายลหุตาเจตสิก และ จิตตลหุตาเจตสิก เสมอ

-กายลหุตา เป็นเจตสิกธรรมที่เบา ทำให้กาย (คือ เจตสิกที่เกิดร่วมด้วย) เบา ไม่หนักเหมือนกับอกุศล

-จิตตลหุตา เป็นเจตสิกธรรมที่ทำให้จิตที่ตนเกิดร่วมด้วยเบา

กายลหุตา คือ ความเบาแห่งกาย คือ เจตสิกที่เกิดร่วมด้วยเบา จิตตลหุตา คือ ความเบาแห่งจิต ดังนั้น เมื่อใดที่กายลหุตาเกิดขึ้น ก็ทำให้เจตสิกที่เกิดร่วมด้วยเบา ก็ทำให้ไม่ชักช้าในการที่จะเป็นกุศล เป็นสภาพธรรมที่ดีงาม และเมื่อใด จิตตลหุตาเกิดขึ้น ก็ทำให้จิตที่เกิดร่วมด้วยเบา และทำให้จิตไม่ชักช้าในการที่จะเป็นกุศล เป็นสภาพธรรมที่ดีงาม ซึ่งตรงกันข้ามกับขณะที่เป็นอกุศลซึ่งหนัก ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 18 ก.พ. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สิ่งที่มีจริงๆ เป็นธรรม และมีจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ได้ห่างไกลจากชีวิตประจำวันเลย อยู่กับธรรมตลอด มีธรรมเกิดขึ้นเป็นไปตลอด แต่ก็ไม่รู้ไม่เข้าใจ จนกว่าจะได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงนั้น ทรงแสดงโดยละเอียดโดยประการทั้งปวง เพื่อประโยชน์ คือ ความเข้าใจถูก เห็นถูกสำหรับผู้ที่ได้ฟังได้ศึกษาอย่างแท้จริงว่าเป็นธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง ที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ โดยไม่ปะปนกัน

กายลหุตา กับ จิตตลหุตา เป็นเจตสิกธรรมที่ดีงาม เกิดกับจิตที่ดีงามทุกประเภท ความเป็นจริงของสภาพธรรมจะไม่ปะปนกัน เป็นจริงแต่ละหนึ่งตามความเป็นจริง มีกิจหน้าที่ต่างกัน เพราะกายลหุตาเป็นเจตสิกที่ทำให้เจตสิกธรรมที่เกิดร่วมด้วยเบา ส่วนจิตตลหุตา เป็นเจตสิกธรรมที่ทำให้จิตที่เกิดร่วมด้วยเบา ซึ่งจะแตกต่างไปจากขณะที่เป็นอกุศลอย่างสิ้นเชิง

แสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงว่า มีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ไม่มีสัตว์ บุคคลตัวตนเลย การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกย่อมจะเป็นไปเพื่อขัดเกลาความไม่รู้ ความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนเป็นสัตว์ เป็นบุคคลได้ในที่สุด ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ธุลีพุทธบาท
วันที่ 19 ก.พ. 2558

เมื่อใดกุศลจิตเกิดขึ้น... "เบาใจ" เสมอ ครับ.

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาอาจารย์ทั้งสองท่าน ครับ.

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 19 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
peem
วันที่ 22 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Jarunee.A
วันที่ 7 มี.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ