จิตที่รู้โมหะรู้ตอนที่โมหะกำลังเกิดหรือโมหะดับไปแล้วจึงรู้ครับ

 
sumek
วันที่  19 ก.พ. 2558
หมายเลข  26197
อ่าน  1,005

ขอเรียนถามครับอาจารย์

...ขอความรู้นะครับ.

ในหมวดจิตตานุปัสนา..! จิตมีโมหะก็รู้ว่าจิตมีโมหะ จิตปราศจากโมหะก็รู้ว่าจิตปราศจากโมหะ..! แต่...จิตที่มีโมหะเป็นจิตดวงก่อนที่ดับไป...ใช่หรือไม่?? และ จิตขณะปัจจุบันมีสติระลึก"จิตที่มีโมหะ"...ที่ดับไปก่อนหน้านี้..? หรือจะกล่าวว่า มี "จิตที่มีโมหะ" ที่ดับไปแล้วก่อนหน้านี้เป็นอารมณ์ของสติ...?.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 19 ก.พ. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สติปัฏฐานที่จะระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่เป็นนามธรรม ที่เป็น จิต เจตสิก มีโมหมูลจิต เป็นต้น ต้องระลึกรู้ทางมโนทวารเท่านั้น และไม่ใช่มโนทวารวิถีวาระแรก แต่เป็นวาระต่อไป ครับ ซึ่งอาจจะสงสัยว่า จิตเห็นดับไปแล้ว มโนทวารวาระต่อไปจะรู้ได้อย่างไร ซึ่งในความละเอียดของธรรม แสดงถึงว่า สติปัฏฐานต้องระลึกในขณะปัจจุบัน ซึ่งคำว่า ปัจจุบัน มีหลากหลายนัย ปัจจุบันขณะ ก็มี คือ ขณะที่สภาพธรรมกำลังเกิดขึ้น ชื่อว่าปัจจุบันขณะ และ ปัจจุบันสันตติ คือ เป็นปัจจุบันเพราะกำลังสืบต่อกันอย่างรวดเร็ว การระลึกลักษณะของนามธรรมที่เป็น จิตเห็น เป็นต้น ก็เป็นปัจจุบันสันตติ คือ กำลังสืบต่ออย่างรวดเร็ว ก็เป็นปัจจุบัน สติปัฏฐานเกิดได้ เช่น โมหมูลจิตนั้นดับไป มหากุศลที่ประกอบด้วยปัญญาเกิดสืบต่ออย่างรวดเร็ว ว่าจิตที่เป็นโมหมูลจิตเป็นธรรม ไม่ใช่เรา การสืบต่อของจิตแต่ละวาระ รวดเร็วมากๆ ๆ เพราะการเกิดดับของจิต เจตสิกที่รวดเร็วนั่นเอง จึงเป็นปัจจุบันเช่นกัน ที่เป็นปัจจุบันสันตติ ครับ เพราะฉะนั้น ขณะนี้ สภาพธรรมกำลังปรากฎ กำลังมีจิตที่เป็นโมหะด้วย เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม สติปัฏฐานก็เกิดระลึกรู้ลักษณะของนามธรรม มีโมหมูลจิตได้ เพราะ กำลังปรากฏให้รู้ ครับ หนทางที่ถูกต้อง คือ ฟังพระธรรม ศึกษาเรื่องสภาพธรรมต่อไป และสติ จะเกิดทำหน้าที่เอง โดยสภาพธรรมอะไรปรากฏ สติก็เกิดระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมนั่นเอง แสดงถึงความเป็นปัจจุบันแล้ว โดยขณะที่ระลึกตัวธรรมในขณะนั้น ไม่มีชื่อว่าทางปัญจทวาร มโนทวาร แต่มีตัวธรรมที่กำลังรู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
sumek
วันที่ 19 ก.พ. 2558

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ประสาน
วันที่ 20 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 20 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
papon
วันที่ 20 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
khampan.a
วันที่ 20 ก.พ. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การเจริญสติปัฏฐาน เป็นการอบรมเจริญปัญญา เพื่อเข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ว่า เป็นธรรม ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ถ้าไม่อาศัยการฟังเรื่องของสภาพธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงเป็นปกติ บ่อยๆ เนืองๆ จนมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นไปตามลำดับแล้ว ย่อมไม่ได้เหตุได้ปัจจัยให้สติเกิดขึ้นหรือเจริญขึ้นได้ เพราะเหตุว่าที่ตั้งให้สติระลึกและปัญญารู้ตรงลักษณะนั้น คือสภาพธรรมที่มีในขณะนี้นั่นเอง ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่กำลังปรากฏเกิดขึ้นเป็นไปในชีวิตประจำวัน ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายและทางใจ การเจริญสติปัฏฐาน เป็นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่การดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้ในที่สุด เพราะฉะนั้น จึงต้องอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม พิจารณาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อเป็นเครื่องปรุงแต่งให้สติและปัญญาเกิดขึ้น ระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ซึ่งจะเป็นไปเพื่อการละคลายความยึดถือในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตนได้

ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว แม้จิตที่ประกอบด้วยโมหะคือความไม่รู้ เป็นต้น ก็มีจริง เมื่อเป็นสิ่งที่มีจริง สติปัญญาก็สามารถที่จะระลึกรู้ตามความเป็นจริงได้ และจะต้องไม่ลืมความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เป็นจิต คือ เกิดทีละขณะ จะไม่เกิดพร้อมกันหลายๆ ขณะ ดังนั้น จิตที่มีโมหะเกิดร่วมด้วยแม้ดับไปแล้ว สืบต่ออย่างรวดเร็วปรากฏว่ามีจริงในขณะนั้น จิตที่ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะที่เป็นสติปัฏฐานจึงสามารถระลึกรู้ตามความเป็นจริงได้ รากฐานที่สำคัญคือ ฟังพระธรรมบ่อยๆ เนืองๆ สะสมความเข้าใจในสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ ครับ.

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ธุลีพุทธบาท
วันที่ 20 ก.พ. 2558

ขอกราบนมัสการอย่างสูงสดแด่พระรัตนตรัย

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาอาจารย์ผเดิมอย่างยิ่ง

ที่ช่วยกรุณาอธิบายคำว่า "ปัจจุบันขณะ" และ "ปัจจุบันสันตติ"

ทำให้เห็นความลึกซึ้งของพระธรรมแต่ละคำ ครับ.

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาอาจารย์คำปั่นเป็นอย่างสูง

ที่ช่วยกรุณาเน้นย้ำถึงการอบรมเจริญปัญญาที่ต้องเป็นไปตามลำดับขั้นจริงๆ ครับ.

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
tanrat
วันที่ 21 ก.พ. 2558

ต้องไม่ลืมนะคะว่า ทุกอย่างเป็นธรรมะ ไม่ใช่เราค่ะ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
peem
วันที่ 22 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
thilda
วันที่ 22 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาท่านผู้ถามและอาจารย์ทั้งสองท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
aurasa
วันที่ 23 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
สิริพรรณ
วันที่ 24 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
Jarunee.A
วันที่ 7 มี.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ