วชิรสูตร - ผู้มีจิตเหมือนแผลเก่า - o๗-o๓-๒๕๕๘

 
มศพ.
วันที่  1 มี.ค. 2558
หมายเลข  26255
อ่าน  1,753

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

... สนทนาธรรมที่ ...

มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)

พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ

วันเสาร์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๘

เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น.

วชิรสูตร

...จาก...

[เล่มที่ 34] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๘๑

...นำสนทนาโดย...

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

และคณะวิทยากร

[เล่มที่ 34] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๘๑

๕. วชิรสูตร

(ว่าด้วยผู้มีจิตเหมือนแผลเก่า - ฟ้าแลบ - เพชร)

[๔๖๔] ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ นี้ มีอยู่ในโลก บุคคล ๓ เป็นไฉน คือ บุคคลที่มีจิตเหมือนแผลเก่า บุคคลมีจิตเหมือนสายฟ้า บุคคลมีจิตเหมือนเพชร

ก็บุคคลมีจิตเหมือนแผลเป็นอย่างไร. ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุคคลลางคนในโลกนี้ เป็นคนขี้โกรธมีความแค้นมาก ถูกเขาว่าหน่อยก็ขัดเคือง ขึ้งเคียด เง้างอด ทำความกำเริบ ความร้าย และความเดือดดาลให้ปรากฏเหมือนอย่างแผลร้าย ถูกไม้หรือกระเบื้องเข้าก็ยิ่งมีหนองไหลฉันใด บุคคลลางคนในโลกนี้ เป็นคนขี้โกรธ มีความแค้นมาก ถูกเขาว่าหน่อยก็ขัดเคือง ขึ้งเคียด เง้างอด ทำความกำเริบ ความร้ายและความเดือดดาลให้ปรากฏฉันนั้น นี่ เราเรียกว่าบุคคลผู้มีจิตเหมือนแผลเก่า

ก็บุคคลมีจิตเหมือนสายฟ้าเป็นอย่างไร. ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุคคลลางคนในโลกนี้ รู้ตามจริงว่า นี่ทุกข์ นี่เหตุเกิดทุกข์ นี่ความดับทุกข์ นี่ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เหมือนอย่างคนตาดี พึงเห็นรูปทั้งหลาย ได้ในระหว่างฟ้าแลบในกลางคืนมืดตื้อฉันใด บุคคลลางคนในโลกนี้ รู้ตามจริงว่า นี่ทุกข์ ฯลฯ นี่ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ฉันนั้น นี่ เราเรียกว่าบุคคลมีจิตเหมือนสายฟ้า

ก็บุคคลมีจิตเหมือนเพชรอย่างไร. ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุคคลลางคนในโลกนี้ กระทำให้แจ้งเข้าถึงพร้อมซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะมิได้ เพราะสิ้นอาสวะทั้งหลาย ด้วยความรู้ยิ่งด้วยตนเองอยู่ในปัจจุบันนี้ เหมือนอย่างแก้วหรือหินที่ไม่ถูกเพชรเจาะเสียเลยย่อมไม่มีฉันใด บุคคลลางคนในโลกนี้กระทำให้แจ้ง ฯลฯ ในปัจจุบันนี่ฉันนั้น นี้เราเรียกว่า บุคคลมีจิตเหมือนเพซร

นี้แล ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ มีอยู่ในโลก.

จบวชิรสูตรที่ ๕

อรรถกถาวชิรสูตร

พึงทราบวินิจฉัยในวชิรสูตรที่ ๕ ดังต่อไปนี้ :-

บทว่า อรุกูปมจิตฺโต ได้แก่ มีจิต เช่นกับแผลเรื้อรัง.

บทว่า วิชฺชูปมจิตฺโต ได้แก่ มีจิตเช่นกับสายฟ้า เพราะส่องสว่างชั่วเวลาเล็กน้อย.

บทว่า วชิรูปมจิตฺโต ได้แก่มีจิตเช่นกับเพชร เพราะสามารถทำการโค่นรากเง่าของกิเลสทั้งหลายได้.

บทว่า อภิสชฺชติ แปลว่า ข้องอยู่.

บทว่า กุปฺปติ แปลว่า ย่อมกำเริบ ด้วยสามารถแห่งความโกรธ.

บทว่า พฺยาปชฺชติ ความว่า ละสภาพปกติ คือเป็นของเน่า.

บทว่า ปติตฺถิยติ ได้แก่ย่อมถึงความหงุดหงิด คือความกระด้าง.

บทว่า โกปํ ได้แก่ ความโกรธมีกำลังทราม.

บทว่า โทสํ ได้แก่ โทสะ ที่มีกำลังมากกว่าความหงุดหงิดนั้นด้วยสามารถแห่งความประทุษร้าย.

บทว่า อปฺปจฺจยํ ได้แก่โทมนัส ที่เป็นอาการแห่งความไม่พอใจ.

บทว่า ทุฏฺฐารุโก ได้แก่แผลเรื้อรัง.

บทว่า กฏเฐน ได้แก่ ปลายไม้เท้า.

บทว่า กถเลน ได้แก่ กระเบื้อง.

บทว่า อาสวํ เนติ ได้แก่ ไหลติดต่อกันไป. อธิบายว่า แผลเรื้อรังจะหลั่งออกซึ่งของ ๓ อย่างนี้คือ หนอง เลือด และเยื่อ ตามธรรมดาของตนอยู่แล้ว แต่เมื่อถูกกระทบเข้าจะหลั่งสิ่งเหล่านั้นออกยิ่งขึ้น.

ในบทว่า เอวเมว โข นี้ มีข้อเปรียบเทียบดังต่อไปนี้ ก็คนมักโกรธ พึงเห็นเหมือนแผลร้าย. จรณะ (พฤติกรรม) ของคนมักโกรธ พึงเห็นเหมือนการหลั่ง (ของไม่สะอาด) ของแผลร้ายนั้นออกไปตามธรรมดาของตนบ้าง จรณะ (พฤติกรรม) ของเขาผู้ดุร้าย พึงเห็นเหมือนการหลั่ง (ของไม่สะอาด) ของซากศพที่ขึ้นพองออกไปตามธรรมดาของตนบ้าง คำพูดเล็กน้อย ก็พึงเห็นเหมือนถูกกระทบด้วยไม้หรือกระเบื้อง ภาวะที่เขาจะลำพองมากยิ่งขึ้นว่า คนผู้นี้ (กล้า) พูดเช่นนี้ กับคนเช่นเรา พึงเห็นเหมือนการไหลออกมากยิ่งขึ้นแห่งแผลเรื้อรัง.

บทว่า รตฺตนฺธการติมิสฺสาย ความว่า ในยามราตรี คือในเวลาที่มืดสนิท เพราะกระทำความมืด โดยห้ามไม่ให้จักษุวิญญาณเกิดขึ้น.

บทว่า วิชฺชนฺตริกาย ได้แก่ในขณะที่ฟ้าแลบ. แม้ในข้อนี้ ก็มีข้อเปรียบเทียบดังต่อไปนี้ ก็พระโยคาวจร พึงเห็นเหมือน บุรุษผู้มีตาดี. กิเลสที่โสดาปัตติมรรค ฆ่า พึงเห็นเหมือนความมืด กาลเวลาที่พระโสดาปัตติมรรคเกิดขึ้น พึงเห็นเหมือนการแลบของสายฟ้า การเห็นพระนิพพานในขณะแห่งโสดาปัตติมรรค พึงเห็นเหมือนการเห็นรูปได้รอบด้านของบุรุษผู้มีจักษุในระหว่างฟ้าแลบ กิเลสที่สกทาคามิมรรคฆ่า พึงเห็นเหมือนการกำจัดความมืดได้อีกครั้ง การบังเกิดขึ้นแห่งสกทาคามิมัคคญาณ พึงเห็นเหมือนการแลบของสายฟ้าอีกครั้งหนึ่ง การเห็นพระนิพพาน ในขณะแห่งสกทาคามิมรรค พึงเห็นเหมือนการเห็นรูปได้โดยรอบ แห่งบุรุษผู้มีตาดี ในระหว่างฟ้าแลบ กิเลสที่อนาคามิมรรคฆ่า เหมือนการกำจัดความมืดมนอันธการอีกครั้ง ความเกิดขึ้น แห่งอนาคามิมัคคญาณ. พึงเห็นเหมือนการแลบของสายฟ้าอีกครั้ง. การเห็นพระนิพพานในขณะแห่งอนาคามิมรรค พึงเห็นเหมือนการเห็นรูปโดยรอบด้าน แห่งบุรุษผู้มีตาดี ในระหว่างฟ้าแลบ.

แม้ในภาวะที่บุคคลมีจิตเปรียบด้วยเพชร ก็มีข้อเปรียบเทียบดังต่อไปนี้ จริงอยู่ อรหัตมัคคญาณ พึงเห็นเหมือนเพชร. กิเลสทั้งหลายที่พระอรหัตมัคคญาณตัดแล้ว พึงเห็นเหมือนกระเปาะแก้วมณี หรือกระเปาะหิน ภาวะที่กิเลสทั้งหลาย ที่พระอรหัตมัคคญาณจะตัดไม่ขาดไม่มี พึงเห็นเหมือนภาวะที่เพชรจะไม่ตัดกระเปาะแก้ว หรือกระเปาะหินไปไม่มี การที่กิเลสที่พระอรหัตมัคคญาณตัดได้แล้ว จะไม่กลับเกิดขึ้นอีก พึงเห็นเหมือนการที่กระเปาะแก้ว หรือ กระเปาะหิน ที่ถูกเพชรตัดแล้ว จะไม่กลับเต็มขึ้นมาอีก ฉะนั้นแล.

จบ อรรถกถาวชิรสูตรที่ ๕


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 1 มี.ค. 2558

ขอนอบน้อมแ่ด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความโดยสรุป

วชิรสูตร

ว่าด้วยผู้มีจิตเหมือนแผลเก่า - สายฟ้า - เพชร

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า บุคคล ๓ ประเภท มีอยู่ในโลก ได้แก่

๑. บุคคลผู้มีจิตเหมือนแผลเก่า คือ บุคคลผู้ที่มักโกรธ มากไปด้วยความโกรธ ถูกว่าหน่อยเข้า ก็โกรธ ขัดเคือง ไม่พอใจ เปรียบเหมือนกับแผลเก่าที่ถูกไม้หรือกระเบื้องกระทบเข้า ทำให้มีน้ำหนองไหล

๒. บุคคลผู้มีจิตเหมือนสายฟ้า คือ บุคคลผู้ที่รู้ชัดตามเป็นจริงซึ่งอริยสัจจ์ ๔ (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) เปรียบเหมือนกับบุคคลผู้มีตาดี สามารถมองเห็นรูปได้ในขณะที่ฟ้าแลบในเวลากลางคืนที่มืดมิด มุ่งหมายถึงเสกขบุคคล (ผู้ที่ยังต้องศึกษาอยู่)

๓. บุคคลผู้มีจิตเหมือนเพชร คือ บุคคลผู้มีความแข็งแกร่ง สามารถทำลายรากเหง้าของกิเลสทั้งหลายได้ ไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย หมายถึง พระอรหันต์ ผู้ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ และปัญญาวิมุตติ เปรียบเหมือนกับเพชร ที่สามารถตัดแก้วหรือหินได้ แก้วหรือหินที่ถูกเพชรตัดแล้ว จะไม่กลับเต็มขึ้นมาอีกได้เลย.

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

ความโกรธเหมือนดังจับถ่านเพลิง

ไม่เข้าไปผูกความโกรธ

โทษของความโกรธ

อริยสัจ ๔ [อรหันตสูตร]

พระอรหันต์สิ้นสุดการเดินทางในสังสารวัฏฏ์ [คาถาธรรมบท]

เจโตวิมุติ และปัญญาวิมุติ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
papon
วันที่ 1 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
orawan.c
วันที่ 1 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ladawal
วันที่ 2 มี.ค. 2558

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
peem
วันที่ 3 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 6 มี.ค. 2558

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Jans
วันที่ 8 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
สิริพรรณ
วันที่ 11 ก.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ