อนุสัยกิเลส

 
papon
วันที่  1 มี.ค. 2558
หมายเลข  26257
อ่าน  6,623

เรียน อาจารย์ทั้งสองท่าน

"ถ้าใครที่มีกุศลจิตเกิด แล้วไม่มีอนุสัยกิเลส คนนั้นจะไม่มีอกุศลจิตเกิดอีกเลย" พจนาท่านอาจารย์ในวิปัสสนาตอนที่ 1466 หมายความว่าอย่างไรครับ อนุสัยเป็นต้นกำเนิดของอกุศล แล้วกุศลเกิดเพราะอนุสัยด้วยหรือครับ ขอความอนุเคราะห์อาจารย์ช่วยกรุณาให้คำอธิบายด้วยครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 1 มี.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อนุสัย หมายถึง กิเลสอย่างละเอียดที่ตามนอนเนื่องอยู่ในจิต ไม่ปรากฏตัวออกมา ไม่เกิดขึ้น หรือเป็นกิเลสที่ยังละไม่ได้ ซึ่งจะละได้ด้วยอริยมรรค เท่านั้น

อนุสัย มี ๗ ประการ คือ

๑. กามราคานุสัย (อนุสัย คือ โลภะ ความติดข้องในกาม)

๒. ปฏิฆานุสัย (อนุสัย คือ โทสะ ความโกรธ)

๓. ทิฏฐานุสัย (อนุสัย คือ ความเห็นผิด)

๔. วิจิกิจฉานุสัย (อนุสัย คือ ความสงสัยในสภาพธรรม)

๕. มานานุสัย (อนุสัย คือ ความถือตัว ความสำคัญตัว)

๖. ภวราคานุสัย (อนุสัย คือ โลภะ ความติดข้องในภพ)

๗. อวิชชานุสัย (อนุสัย โมหะ ความไม่รู้)

โสตาปัตติมรรค ดับ ทิฏฐานุสัย และ วิจิกิจฉานุสัย

อนาคามิมรรค ดับ กามราคานุสัย และ ปฏิฆานุสัย

อรหัตตมรรค ดับ มานานุสัย ภวราคานุสัย และ อวิชชานุสัย

พระอรหันต์เท่านั้น ที่เป็นผู้ไม่มีอนุสัยกิเลสนอนเนื่องอยู่ในจิตอีกต่อไป

ดังนั้น ถ้าไม่ใช่พระอรหันต์ ก็ยังมีอนุสัย แม้ในขณะที่กุศลจิตเกิด มีอนุสัย แต่ไม่เป็นอนุสัย

ข้อความที่ท่านอาจารย์กล่าวถึง น่าจะมุ่งหมายถึง ขณะที่กุศลจิตเกิดนั้น อกุศลจิตย่อมเกิดไม่ได้ เพราะจิตเกิดดับทีละขณะ และ ถ้ายังไม่ได้ดับอนุสัย แม้ในขณะที่จิตเป็นกุศล ก็ยังมีอนุสัยนอนเนื่องอยู่ แต่กุศลจิต ไม่เป็นอนุสัย

ขอเชิญอ่านคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในตอนดังกล่าว ดังนี้

ถาม: อนุสัยกิเลสมันอยู่ตรงไหน อยู่ที่อกุศลจิต เวลาเกิดมหากุศลจิต ในมหากุศลจิตนั้นก็มีอนุสัยกิเลสอยู่ด้วยใช่ไหมครับ

สุ.ถูกต้องค่ะ ถ้าใครที่มีกุศลจิตแล้วไม่มีอนุสัยกิเลส คนนั้นจะไม่มีอกุศลจิตเกิดอีกเลย เพราะเหตุว่าจิตเกิดขึ้นทีละดวงเดียวนี่คะ จะเอาอนุสัยกิเลสไปฝากไว้ที่ไหน ระหว่างที่กุศลจิตเกิด ถ้ากุศลจิตนั้นไม่มีอนุสัยกิเลส

ผู้ฟัง​: ความเข้าใจเดิมของกระผมก็เชื่ออย่างนั้น คือว่า ในขณะที่จิตเป็นกุศลนั้น มีอนุสัยแน่ๆ แต่ว่าอนุสัยนั้นไม่เกิด เพราะว่าขณะนั้นจิตเป็นกุศลอยู่

สุ.​ กิเลสมีอย่างละเอียด แล้วก็อย่างกลาง แล้วก็อย่างหยาบ

ผู้ฟัง:​ เพราะว่าอนุสัยดับได้ด้วยอริยมรรค แต่เท่าที่กระผมได้ฟังมาบางแห่งพูดว่า ในขณะที่จิตเป็นกุศล เป็นวิบาก หรือเป็นกิริยาซึ่งเป็นอัพยากตธรรม แปลว่าธรรมที่ไม่เป็นบุญเป็นบาป ในขณะนั้นอนุสัยไม่เกิด แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่มี เขาพูดว่าอย่างนี้

สุ.​ ถ้าจะกล่าวว่า ขณะที่เป็นกุศลจิต ขณะนั้นไม่เป็นอนุสัย แต่ไม่ใช่หมายความว่า ไม่มีอนุสัย

ผู้ฟัง: ในขณะที่เป็นกุศลจิต ไม่เป็นอนุสัย

สุ.​ เพราะเหตุว่าเป็นฝ่ายกุศลค่ะ ถ้าอย่างโลภมูลจิตเกิดขณะหนึ่งแล้วก็ดับไป จะสะสมเป็นอนุสัยสืบต่อเพิ่มขึ้นอีก แต่ว่าเวลาที่เป็นกุศลจิตเกิด เช่น ทานกุศล ศีลกุศล หรือการฟังธรรมต่างๆ เหล่านี้ เป็นกุศลจิต เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ธรรมที่เป็นอกุศลที่จะนอนเนื่องเป็นอนุสัย

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ....

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 2 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
papon
วันที่ 2 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 6 มี.ค. 2558

กิเลสมี 3 ระดับ

1. อนุสัยกิเลส กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในจิต

2. ปริยุฏฐานกิเลส เช่น ตอนที่โกรธ แต่ยังไม่ได้ล่วงออกมา

3. วีติกกมกิเลส กิเลสที่มีกำลังทำให้ล่วงออกมาทางกาย ทางวาจา ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
วิริยะ
วันที่ 10 เม.ย. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
panasda
วันที่ 20 พ.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 14 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Selaruck
วันที่ 28 ม.ค. 2567

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลจิตทุกประการของอาจารย์คำปั่นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Jarunee.A
วันที่ 3 ก.พ. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ