พระภิกษุที่เป็นพระโสดาบันแล้ว มีสิทธิ์ลาสิกขาได้หรือไม่?
มีความเข้าใจว่าผู้ที่บรรลุโสดาปัตติผลแล้ว ได้กระทำโลภะ โทสะ ให้เบาบางลง ละความเห็นผิด ละความตระหนี่ ละริษยาได้แล้ว อย่างไรก็ดี มีความเป็นไปได้ไหมครับ
สำหรับที่พระภิกษุ ผู้เข้าถึงโสดาปัตติผลแล้ว จะมีโอกาสที่มีใจออกห่างจากชีวิตบรรพชิตหรือลาเพศบรรชิตด้วยเหตุอันใดอันหนึ่ง (เนื่องเพราะยังละความติดข้องในกามคุณไม่ได้เด็ดขาด) หรือไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ท่านก็จะไม่มีทางลาสิกขาเด็ดขาด? และมีพระบาลีหรือคัมภีร์ใดที่รับรองไหมครับ?
ขอบพระคุณและอนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สำหรับผู้ที่เป็นปุถุชน มีกิเลสโดยมาก เมื่อบวชเป็นบรรพชิต แม้จะมีศรัทธาอย่างมากที่บวชในตอนแรก แต่เพราะว่ายังมีกิเลสที่ยังไม่ได้ดับ และปัญญายังไม่ถึงระดับโลกุตตระ ย่อมมีความไม่แน่นอน ที่จะหวนกลับมาสู่เพศบรรพชิตได้เป็นธรรมดา ดังเช่นในพระไตรปิฎกที่แสดงไว้ว่า ก่อนที่พระรูปหนึ่งจะเป็นพระอรหันต์ เมื่อยังเป็นปุถุชน ท่านก็สึกแล้วบวชอีก อย่างนี้ถึง 7 ครั้ง แต่ภายหลังท่านก็บวชอีก และบรรลุเป็นพระอรหันต์ นี่แสดงให้เห็นว่า เป็นธรรมดาของปุถุชนที่ยังหวั่นไหวไปตามอำนาจของกิเลส ส่วนผู้ที่อบรมปัญญา จนถึงการบรรลุเป็นพระอริยเจ้า มี พระโสดาบัน เป็นต้นแล้ว หากอยู่ในเพศคฤหัสถ์ในขณะที่บรรลุก็อาจจะบวชหรือไม่บวชก็ได้ ตามอัธยาศัยของท่านที่สะสมมา และแม้เป็นพระอนาคามี ก็ไม่จำเป็นจะต้องบวช สำหรับคฤหัสถ์ หากท่านไม่มีอัธยาศัย ดั่งเช่น ท่านฆฏิการช่างหม้อที่เป็นพระอนาคามีในเพศคฤหัสถ์ แต่ตนเองก็ไม่ยอมบวช เพราะเหตุที่ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ แต่สำหรับพระอริยเจ้าที่เป็นพระอริยบุคคล เมื่อเป็นบรรพชิตหรือ เป็นพระโสดาบัน แล้วบวชเป็นบรรพชิต ด้วยกำลังปัญญาที่มีมากแล้ว ที่ประจักษ์พระนิพพาน ท่านย่อมเห็นคุณของการเป็นบรรพชิตมากขึ้น จึงไม่สละเพศบรรพชิต แต่อบรมปัญญาในเพศบรรพชิตต่อไป ครับ ไม่สึกออกมาเป็นเพศคฤหัสถ์
เชิญคลิกหลักฐานอ้างอิงจากพระไตรปิฎกได้ที่นี่ ครับ
ภิกษุผู้เจริญสติปัฏฐานไม่ลาสิกขา [สลฬาคารสูตร]
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บุคคลผู้ที่สละอาคารบ้านเรือน ออกบวชเป็นบรรพชิต แสดงให้เห็นถึงการสะสมมาที่จะอบรมเจริญปัญญาในเพศที่สูงกว่าคฤหัสถ์ เพราะเห็นว่าการอยู่ครองเรือนเป็นที่หลั่งไหลมาของกิเลสอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงบวชเป็นบรรพชิต มีการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญาขัดเกลากิเลสของตนเอง โดยดำเนินตามหนทางที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง คือ อริยมรรค เมื่อมีปัญญาคมกล้าขึ้น ก็สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้ พระอริยบุคคลขั้นต้น คือ พระโสดาบัน เป็นผู้ดับกิเลสได้ในระดับหนึ่ง คือ ดับความเห็นผิด ดับความลังเลสงสัยในสภาพธรรม ดับความตระหนี่ ดับความริษยา เป็นผู้ที่มีศรัทธาไม่หวั่นไหวในพระรัตนตรัย พระอริยบุคคล เป็นผู้ที่มั่นคงในหนทาง สำหรับผู้ที่เป็นบรรพชิตจึงไม่มีทางหันกลับมาสู่เพศที่เป็นคฤหัสถ์อยู่ครองเรือนแต่งงานมีครอบครัวได้อีก มีแต่จะอบรมเจริญปัญญาให้ยิ่งๆ ขึ้นในเพศบรรพชิต ต่อไป
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระอริยบุคคล แสดงถึงผู้มีความมั่นคงในพระธรมจริงๆ น้อ
ต่างจากเราผู้ยังมากด้วยกิเลส หวั่นไหว ไม่มั่นคง
จึงต้องไม่เว้นที่จะคอยขัดเกลาตนเอง ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม
ประพฤติธรรมตามสมควรแก่ธรรมะ อย่างนั้นใช่ไหมครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ