ท่านผู้ใดเคยถูกสอบอารมณ์บ้าง
ได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมกุฏิท่านเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเป็นผู้ติดตามท่านที่เคยเป็นลูกศิษย์ท่านเจ้าอาวาส ท่านเจ้าอาวาสบอกให้ทราบว่าผู้ที่มาปฏิบัติธรรมที่วัดนี้ ท่านจะสอบอารมณ์ในกุฏิของท่านหลังจากการปฏิบัติในแต่ละวัน
ขอเรียนถามว่าการสอบอารมณ์เป็นอย่างไร มีมาตั้งแต่ยุคไหน เป็นข้อปฏิบัติที่ถูกต้องตามคำสอนในพระพุทธศาสนาหรือไม่ โปรดให้ความกระจ่างเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องของพุทธศาสนิกชนผู้ใฝ่ในธรรมทั้งหลายครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การสอบอารมณ์ ตามสมัยปัจจุบันที่เข้าใจ คือ มีครู หรือ อาจารย์ที่สามารถกล่าวได้ว่าผู้นี้ได้มีญาณ ปัญญาแค่ไหน
แต่ในความเป็นจริง พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของปัญญา ปัญญาของใคร ปัญญาของผู้ที่ได้เข้าใจธรรมเอง ตามความเป็นจริง เป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตน ถ้าไม่ใช่ปัญญาของตนเองแล้ว การทำสิ่งนั้นที่จะต้องให้คนอื่นบอกว่าตนเองมีปัญญาขั้นไหน นั่นก็แสดงว่าหนทางนั้นเป็นปัญญาของคนอื่น ไม่เป็นปัญญาของตนเอง เพราะคำว่าปัญญา หมายถึง ความรู้แท้จริง เมื่อปัญญาเกิด ขณะนั้นความรู้ก็เกิดขึ้น เมื่อความรู้เกิดขึ้น ก็รู้ตามความเป็นจริงว่า รู้เช่นใดด้วยตนเอง เพราะฉะนั้น การสอบอารมณ์ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ตรงตามสัจจะที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง โดยเฉพาะเรื่องของปัญญา ความเห็นถูก ซึ่งเป็นของผู้ที่อบรมปัญญา ศึกษาพระธรรม ด้วยตนเอง ครับ
ซึ่งในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าและพระสาวก ผู้มีปัญญา ท่านแนะนำให้สิ่งที่ถูกต้องว่าอะไรควร ไม่ควร การอบรมปัญญาเป็นเช่นไร ด้วยการแสดงธรรม เป็นต้น มิได้มีการสอบอารมณ์ให้บุคคลที่ศึกษา อบรมปัญญาโดยการบอกว่าได้ญาณเท่าไหร่อย่างไร เพราะในความเป็นจริง บุคคลในสมัยพุทธกาลที่อบรมปัญญา เกิดปัญญา ก็รู้ตัวเองตามความเป็นจริงว่า มีปัญญาอย่างไร เพราะเมื่อปัญญาเกิด ก็รู้ความจริงตามแต่ระดับปัญญานั้น โดยไม่ต้องมีพระพุทธเจ้าบอก เพียงแต่พระพุทธองค์ทรงแนะนำหนทางการอบรมปัญญาให้เข้าใจถูกมากขึ้นด้วยการแสดงธรรม ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เพราะไม่ได้ศึกษาพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบ หรือไม่ได้ศึกษาเลย จึงมีการประพฤติปฏิบัติผิดสืบๆ กันมา เพิ่มความเห็นผิด และความไม่รู้ เป็นอันตรายอย่างยิ่ง ยากที่จะแก้ไข เป็นรากที่หยั่งลงลึกมาก สำหรับการกระทำอะไรด้วยความไม่รู้ ด้วยความเห็นผิด
ดังนั้น สิ่งใดที่ไม่เป็นไปตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่ต้องไปสนใจเพราะไม่ใช่เหตุที่จะทำให้ปัญญาเจริญขึ้น แต่สามารถกล่าวตามความเป็นจริงได้ว่าสิ่งที่กล่าวถึงนั้น คือ การสอบอารมณ์ ไม่มีในคำสอนทางพระพุทธศาสนา ที่จะไปสอนให้ไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ ด้วยความอยากความต้องการนั้น ไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้คำว่า "อารมณ์" เพียงคำเดียว ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม ก็ไม่มีทางเข้าใจถูกตรงตามความเป็นจริงได้เลย เพราะอารมณ์เป็นสิ่งที่จิตรู้ จิตเกิดขึ้นขณะใดก็ย่อมรู้อารมณ์ตามควรแก่จิตขณะนั้นๆ แล้วผู้ที่เรียกตนเองว่า เป็นผู้สอบอารมณ์นั้น สอบอะไร เข้าใจอะไร?
ดังนั้น จึงขาดการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ไม่ได้เลย ความเข้าใจพระธรรมเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องอุปการะเกื้อกูลที่ดี ให้น้อมประพฤติในสิ่งที่ถูกต้อง ให้เว้นจากสิ่งที่ผิด เป็นเครื่องขัดเกลาความไม่รู้ ความเห็นผิดและกิเลสทั้งหลาย จนกว่าจะดับได้อย่างหมดสิ้น ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...