ลูกผู้ชายจำเป็นต้องบวชไหม

 
chatchai.k
วันที่  24 มี.ค. 2558
หมายเลข  26365
อ่าน  1,341

เห็นป้ายโฆษณาเชิญชวนให้นิสิต นักศึกษาบวชมากมาย เป็นการอุปสมบทหมู่ธรรมทายาท มีข้อความ "ครั้งหนึ่ง ในชีวิตลูกผู้ชาย" ทำให้รู้สึกว่าถ้าใครไม่บวช ผู้นั้นไม่ใช่ลูกผู้ชาย ขอความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องการบวช ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 24 มี.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

บุคคลผู้ที่จะบวชในพระพุทธศาสนา จะต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจในพระธรรมวินัยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง มีอัธยาศัยน้อมไปในความเป็นบรรพชิต เห็นประโยชน์ของการขัดเกลากิเลสที่มีเป็นอย่างมาก ในเพศของบรรพชิตซึ่งเป็นเพศที่สูงกว่าคฤหัสถ์ โดยเห็นว่าอยู่ครองเรือนของคฤหัสถ์เป็นที่หลั่งไหลมาของอกุศลธรรมทั้งหลาย แล้วจึงสละทุกสิ่งทุกอย่างมุ่งสู่ความเป็นบรรพชิต ซึ่งเป็นอัธยาศัยของบุคคลนั้นจริงๆ ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ เป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างแน่นอน เป็นที่ชื่นชมอนุโมทนาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เพราะความเป็นบรรพชิตไม่ได้อยู่ที่เพศ หรือ เครื่องแต่งกาย แต่อยู่ที่ความเป็นผู้จริงใจในการขัดเกลากิเลส

ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องของปัญญาที่กล่าวว่า ลูกผู้ชายจะต้องบวชพระอย่างน้อยหนึ่งครั้ง แต่พระธรรมของพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงนั้นเกื้อกูลกับพุทธบริษัททั้ง 4 และการเกิดขึ้นของปัญญาก็ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ที่บวชเท่านั้นครับ เมื่อศึกษาพระธรรมอย่างละเอียด พระองค์ทรงแสดงธรรมตามการสะสมมาของสัตว์โลกเพราะบางบุคคลก็ไม่ได้สะสมการเห็นโทษของการครองเรือน ไม่ได้บวชก็มีมากมาย แต่ท่านก็ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมในหนทางที่ถูกต้อง และก็สามารถบรรลุธรรม มีมากมายในเพศคฤหัสถ์ มีท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ท่านวิสาขอุบาสก เป็นต้นครับ ส่วนผู้ที่บวชก็มีมากมายเช่นกัน เพราะเห็นโทษของการครองเรือน เห็นคุณของการขัดเกลากิเลสเพิ่มขึ้น และท่านก็บวข พร้อมๆ กับศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม และได้บรรลุมากมายเช่นกัน และโดยนัยตรงกันข้าม ก็มีผู้ที่บวชในสมัยพุทธกาล แต่ไม่ประพฤติตามพระธรรมวินัย และไม่ศึกษาพระธรรม ทำให้ไม่ได้บรรลุธรรมและตกนรกมากมายเช่นกันครับ นี่จะเห็นได้ครับว่าเป็นเรื่องของปัญญาอย่างแท้จริง ทั้งในเรื่องการจะบวช และการจะบรรลุธรรมก็เป็นเรื่องของปัญญา โดยไม่ได้จำกัดเฉพาะเพศบรรพชิตเลยครับ

หากไม่ได้บวชด้วยความเข้าใจ และไม่ได้มีศรัทธาที่จะประพฤติตามพระธรรมวินัยเลย การบวชนั้นก็เป็นโทษกับผู้บวช เพราะล่วงอาบัติต่างๆ มากมายและไม่เห็นโทษในอาบัตินั้น และทำให้เข้าใจในพระธรรมผิดก็ย่อมทำให้เป็นโทษกับผู้บวชเอง พระศาสนาก็เสื่อมเร็วขึ้นเพราะไม่ได้เริ่มจากความเข้าใจ แต่กลายเป็นเรื่องของประเพณีและคำกล่าว คำใด คำหนึ่ง โดยไม่ได้แสดงเหตุผลให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าครับ ดังนั้นถ้าจะบวชเพียงเพื่อก่อนแต่ง นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ถูกต้องในการบวชครับ และถ้าบวชแล้วประพฤติผิดในพระวินัยและไม่เห็นโทษ เมื่อตายในเพศพระภิกษุก็ไปอบายเช่นกัน ไม่มีทางไปสวรรค์ได้เลยครับ ดังนั้นการไปสวรรค์ไม่ได้เกิดจากผ้าเหลือง แต่เกิดจากกุศล เกิดจากความเข้าใจที่เป็นปัญญา ไม่ใช่ความเข้าใจผิดที่เป็นอกุศลเลยครับ ดังนั้นการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ย่อมทำให้เข้าใจถูกต้องในพระธรรมวินัยครับ

คำว่า ถ้าเกิดมาเป็นลูกผู้ชายไทย จะต้องบวชพระอย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต จึงไม่ใช่คำที่ถูกต้อง แต่การที่ได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว ได้พบพระพุทธเจ้า แต่ไม่อบรมปัญญา ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ก็ย่อมล่วงเลยขณะที่ประเสริฐ เพราะประโยชน์ของการได้เกิดเป็นมนุษย์ คือ ได้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมในหนทางที่ถูกต้อง เพื่อมีความเข้าใจถูกและปัญญาเจริญขึ้น โดยไม่ใช่ว่าผู้ชายจะต้องบวชทุกคนอย่างน้อยหนึ่งครั้ง เพราะปัญญาเกิดจากศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมครับ ไม่ใช่ด้วยเหตุโดยการบวชครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ธุลีพุทธบาท
วันที่ 24 มี.ค. 2558

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาอย่างยิ่ง ครับ.

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 24 มี.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การบวช เป็นเรื่องที่ยากมาก และการยินดีในการบวชก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นเดียวกัน เป็นอันตรายมากทีเดียว ถ้าหากล่วงละเมิดพระธรรมวินัย ไม่ประพฤติตามพระวินัย เป็นผู้ย่อหย่อน ไม่รักษาพระวินัยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติ ขาดความเคารพยำเกรงในพระรัตนตรัย ย่อมเป็นผู้มีอบายภูมิเป็นที่ไปในเบื้องหน้าเท่านั้น เมื่อต้องอาบัติแล้ว ไม่กระทำคืนตามพระวินัย ก็เป็นเครื่องกั้นการบรรลุมรรคผลนิพพาน กั้นการไปสู่สุคติด้วย แทนที่จะได้กระทำกิจที่ควรทำที่จะเป็นที่พึ่งสำหรับตนเอง แต่กลับไปเพิ่มอกุศล เพิ่มความไม่รู้ เพิ่มเหตุที่ไม่ดีให้กับตนเองที่จะทำให้ได้รับผลที่ไม่ดีในอนาคตข้างหน้า เป็นเรื่องที่น่าพิจารณาเป็นอย่างมากทีเดียว

บุคคลในครั้งพุทธกาล ท่านได้ฟังพระธรรม ได้เข้าใจพระธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้เห็นโทษของการอยู่ครองเรือน ว่า คับแคบ (คับแคบด้วยอกุศล คับแคบด้วยกิเลส) มีแต่จะเป็นเครื่องพอกพูนกิเลส ให้หนาแน่นขึ้น แล้วมีอัธยาศัยน้อมไปที่จะขัดเกลากิเลสให้ยิ่งกว่าเพศคฤหัสถ์ จึงสละทุกสิ่งทุกอย่าง สละทรัพย์สมบัติ สละวงศาคณาญาติแล้วออกบวช เป็นบรรพชิต ด้วยความจริงใจ ด้วยความตั้งใจที่จะขัดเกลากิเลสจริงๆ เพื่อการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ จนกระทั่งสูงสุดถึงความเป็นพระอรหันต์ [ไม่ใช่บวชด้วยความไม่รู้ ไม่ใช่บวชด้วยคิดว่าบวชก่อนแล้วถึงจะแต่งงานได้ เป็นต้น]

ดังนั้น การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ จะเป็นหญิงหรือชาย ก็ตาม ถ้าหากว่ามีโอกาสที่จะได้ศึกษาพระธรรมฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา พร้อมทั้งเจริญกุศลประการต่างๆ นั่น ย่อมเป็นชีวิตที่มีค่าเป็นอย่างมาก เพราะเหตุว่าไม่มีใครสามารถทราบได้ว่าจะละจากโลกนี้ไป (ตาย) เมื่อใด และเมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว จะไปเกิดในภพภูมิใด ถ้าหากไปเกิดในอบายภูมิ ย่อมหมดโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม พิจารณาพระธรรม ไม่มีโอกาสที่จะอบรมเจริญปัญญาเพื่อรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงได้ ฉะนั้นแล้ว ทุกๆ วันจึงเป็นโอกาสที่ดี ที่จะทำชีวิตที่ยังมีอยู่ ยังเหลืออยู่นี้ให้เป็นชีวิตที่มีค่ามากที่สุด เท่าที่จะมากได้ และควรที่จะได้พิจารณาว่า ไหนๆ ก็จะต้องตายอยู่แล้ว การเป็นคนดี และ ฟังพระธรรมให้เข้าใจขึ้น ย่อมเป็นการดีกว่าที่จะไปทำอะไรอย่างอื่นด้วยความไม่รู้ [เป็นใครก็ตาม พึงเป็นคนดีควบคู่ไปกับการฟังพระธรรม] ครับ

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความสำหรับพิจารณาเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ ...

การบวช เป็นเรื่องยาก [คาถาธรรมบท]

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 24 มี.ค. 2558

ถ้าบวชแล้วไม่ประพฤติธรรม ไม่รักษาพระวินัยก็เป็นมหาโจร เพราะฉะนั้นลูกผู้ชายไม่ได้อยู่ที่การบวช แต่อยู่ที่การมีหน้าที่รับผิดชอบ เป็นคนดีมีน้ำใจช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอกว่า ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 26 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เมตตา
วันที่ 26 มี.ค. 2558

...ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Jarunee.A
วันที่ 24 ธ.ค. 2566

.ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 24 ธ.ค. 2566

กราบอนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ