บัวสามเหล่า หรือ บัวสี่เหล่า
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง บัวสามเหล่า หรือ สี่เหล่า ครับ ได้ฟังมาว่าบัวสี่เหล่าปรากฏในอรรถกถา ส่วนบัวสามเหล่าอยู่ในพระบาลี ไม่ทราบว่าถูกต้องไหมครับ
ขออภัยครับ เคยมีผู้ถามประเด็นคล้ายกันนี้ เมื่อ 15 ก.ค. 2555 ท่านวิทยากรจะตอบใหม่หรือกรุณาทำลิงค์ไปที่กระทู้นั้นก็ได้ แล้วแต่จะเห็นสมควรครับ
บุคคล แบ่ง เป็น บัว ๔ เหล่า ที่สามารถบรรลุได้ คือ
๑.อุคฆฏิตัญญูบุคคล - บุคคลผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม โดยฟังเพียงการยกหัวข้อธรรมขึ้นแสดงเท่านั้น
๒.วิปัญจิตัญญูบุคคล - บุคคลผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม โดยต้องอาศัยการขยายความแห่งหัวข้อธรรมโดยละเอียด (โดยพิสดาร)
๓.เนยยบุคคล -บุคคลผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมโดยอาศัยการฟัง การศึกษาบ่อยๆ เนืองๆ ทั้งโดยหัวข้อและโดยการขยายความให้ละเอียดจากกัลยาณมิตรผู้มีปัญญา มีการสอบถาม มีการไตร่ตรอง พิจารณาโดยแยบคาย
๔.ปทปรมบุคคล บุคคลผู้มีบทเป็นอย่างยิ่ง ไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมในชาตินั้นได้ แม้ว่าจะได้ฟังมาก ศึกษามาก สอนผู้อื่นมาก เป็นต้น
ดังนั้น เมื่ออ่าน พระสูตรใด ก็ต้องย้อนกลับไปที่พระสูตรนั้นครับว่า พระสูตรนั้น มุ่งหมายถึงอะไร ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงตรวจดูสัตว์โลกที่สามารถบรรลุธรรมได้ในชาตินั้นก็จะต้องแบ่งเป็น 3 จำพวก เท่านั้น ครับ แต่บุคคล ที่สามารถบรรลุธรรมได้ ไม่ว่าจะเป็นชาติปัจจุบัน หรือ ชาติหน้า แบ่งเป็น บัว ๔ เหล่า ตามที่กล่าวมา ซึ่งหลักฐาน การอธิบายในพระไตรปิฎก มีดังนี้ ครับ
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ ๑๔๘
อรรถกถามหาปทานสูตร
อธิบายว่า บัวบางเหล่าที่ตั้งขึ้นพ้นน้ำคอยรอสัมผัสแสงอาทิตย์แล้วบานในวันนี้.บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำจักบานในวันพรุ่งนี้. บางเหล่ายังจมอยู่ภายในน้ำอันน้ำเลี้ยงไว้จักบานในวันที่ ๓. แต่ว่ายังมีดอกบัวเป็นต้นที่มีโรคแม้เหล่าอื่นไม่ขึ้นพ้นจากน้ำแล้ว ดอกบัวเหล่าใด จักไม่บาน จักเป็นภักษาแห่งปลาและเต่าอย่างเดียว ดอกบัวเหล่านั้น ท่านไม่ควรนำขึ้นสู่บาลี ได้แสดงไว้ชัดแล้ว.
บุคคล ๔ จำพวก คือ อุคฆฏิตัญญู วิปจิตัญญู เนยยะ ปทปรมะก็เปรียบเหมือนดอกบัว ๔ เหล่านั้นแล.
ในบุคคล ๔ จำพวกนั้น บุคคลที่ตรัสรู้ธรรมพร้อมกับเวลาที่ท่านยกขึ้นแสดง ชื่อ อุคฆฏิตัญญู. บุคคลที่ตรัสรู้ธรรมเมื่อท่านแจกความแห่งคำย่อโดยพิสดาร ชื่อว่า วิปจิตัญญู. บุคคลที่ตรัสรู้ธรรมโดยลำดับด้วยความพากเพียรท่องจำ ด้วยการไต่ถาม ด้วยทำไว้ในใจโดยแยบคาย ด้วยคบหาสมาคมกับกัลยาณมิตร ชื่อว่า เนยยะ. บุคคลที่ไม่ตรัสรู้ธรรมได้ในชาตินั้น แม้เรียนมาก ทรงไว้มาก สอนเขามาก ชื่อว่า ปทปรมะ.
ในบทนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรวจดู หมื่นโลกธาตุ เช่นกับ ดอกบัว เป็นต้น ได้ทรงเห็นแล้วว่า บุคคลจำพวก อุคฆฏิตัญญู ดุจดอกบัวจะบานในวันนี้ บุคคลจำพวก วิปจิตัญู ดุจดอกบัวจักบานในวันพรุ่งนี้ บุคคลจำพวก เนยยะ ดุจดอกบัวจักบานในวันที่ ๓ บุคคลจำพวกปทปรมะ ดุจดอกบัวอันเป็นภักษาแห่งปลาและเต่า.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงบุคคล ๔ จำพวก ในเรื่องความต่างของการตรัสรู้หรือไม่ตรัสรู้ธรรม เปรียบเหมือนกับดอกบัว ๔ เหล่า ตามการศึกษาก็เข้าใจได้ว่า บุคคล ๓ ประเภทแรก เมื่อฟังธรรมของพระพุทธองค์แล้ว ปัญญาสามารถตรัสรู้ธรรมได้ในชาตินั้น ต่างกันที่ความเร็ว - ช้าของระยะเวลาที่อบรมก่อนที่จะถึงการตรัสรู้ ซึ่งเป็นไปตามเหตุปัจจัยและการสะสม ส่วนบุคคลประเภทที่ ๔ ไม่สามารถตรัสรู้ธรรมได้ในชาตินั้น แม้ว่าจะฟัง จะศึกษามากเท่าไรก็ตาม แต่ความเข้าใจธรรมของบุคคลนั้น ย่อมสั่งสมเป็นอุปนิสัยที่จะเอื้อต่อการตรัสรู้ธรรมในภายภาคหน้า เมื่อปัญญาสมบูรณ์พร้อมและได้พบได้ศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าพระองค์ต่อๆ ไป
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทรงเป็นผู้จำแนกธรรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาคุณอนุเคราะห์เกื้อกูลสัตว์โลกให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง ด้วยการแสดงพระธรรมที่เหมาะควรแก่อัธยาศัยของแต่ละบุคคล ผู้ที่ได้สั่งสมบารมีมาก็ได้ฟังและสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมบรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ ส่วนผู้ที่ไม่ได้บรรลุ ก็สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกเพื่อประโยชน์ในภายหน้าต่อไป จากการทรงแสดงพระธรรมของพระองค์ บางครั้งทรงยกเป็นอุทเทศ (หัวข้อ) ขึ้นแสดงเท่านั้น บางครั้งก็ทรงแสดงโดยละเอียด ซึ่งทั้งหมดทั้งปวง ก็เพื่อประโยชน์ของผู้ฟังอย่างแท้จริง เพราะจากการแสดงพระธรรมของพระองค์นั้น พระองค์ไม่ทรงหวังอะไรจากผู้ฟังแม้แต่น้อย นอกจากผู้ฟังจะเข้าใจเป็นปัญญาของตนเองเท่านั้น
พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่บุคคลผู้ที่ได้สะสมอบรมเจริญเหตุที่ดีมา นั่นก็คือ ได้สะสมการฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มา จึงมีโอกาสได้ฟังพระธรรม และ มีความเข้าใจไปตามลำดับ ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
พระพุทธองค์ทรงแบ่งบัวไว้ 3 เหล่า แบ่งคนไว้ 4 ประเภทครับ พระไตรปิฏกครับ มีการอธิบายไว้แล้วครับ
ขออนุโมทนา
ขอกราบนมัสการบูชาอย่างสูงสุดแด่พระรัตนตรัย
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาอาจารย์ทั้งสองท่านเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ให้ความเข้าใจพระธรรมอันเป็นสิ่งที่มีค่าประเสริฐสุดจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งจะเป็นอุปนิสัยแห่งการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมในภายภาคหน้า เมื่อเหตุสมบูรณ์พร้อม ครับ.