ถวายเงินพระบาปไหม

 
นิรมิต
วันที่  29 มี.ค. 2558
หมายเลข  26404
อ่าน  3,510

ที่บ้านญาติผู้ใหญ่ได้จัดงานทำบุญบ้าน มีการนิมนต์พระภิกษุมาฉันเพลที่บ้าน และมีการถวายสังฆทานตอนถวาย มีการใส่เงินในซองแล้วแนบถวายไปด้วย เนื่องจากผมเป็นคนช่วยกิจการงานของทางบ้านญาติ เมื่อมีการถวาย ก็เป็นคนช่วยเขาจัดวางของต่างๆ ถวายพระภิกษุ ไม่อาจท้วงติงได้ ได้แต่ทำตามที่เขาสั่งมาว่าให้จัดแจงของนี้อย่างนี้ๆ

จึงมีความสงสัยดังนี้ครับ

1.เนื่องจากผมเป็นผู้ทราบว่าพระภิกษุสงฆ์รับเงินไม่ได้ เป็นอาบัติ แต่ต้องจัดแจงของตามที่ทางบ้านญาติสั่ง จึงจัดเงินใส่ซอง และถวายพระตามที่เขาบอก แต่ไม่ได้มีเจตนาหรือความปราถนาให้พระท่านต้องอาบัติ ผมจะถูกต้องอกุศลกรรมประการใดหรือไม่

2.ผู้ที่ไม่ทราบว่าของสิ่งนี้ๆ เป็นอกัปปิยะแก่พระภิกษุ จึงได้ถวายอกัปปิยะนั้น ด้วยศรัทธากับ ผู้ที่ทราบว่าของสิ่งนั้นเป็นอกัปปิยะ แต่ด้วยเหตุอย่างหนึ่ง เช่นปรารถนาจะทำบุญมากจนไม่คำนึึงถึงความที่ของเป็นกัปปิยะหรืออกัปปิยะ และไทยธรรมอื่นไม่มี จึงได้ถวายอกัปปิยะนั้น ด้วยศรัทธาเหมือนกัน

สองกรณีนี้ชื่อว่ากระทำกุศล หรืออกุศลกรรมครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 29 มี.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

-ที่น่าพิจารณาเป็นเบื้องต้น คือ การถวายเงินกับพระภิกษุเป็นการกระทำที่ไม่สมควร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตำหนิทั้งผู้รับและผู้ให้ กล่าวคือ สำหรับผู้รับ พระองค์ทรงบัญญัติพระวินัยปรับอาบัตินิสสัคคีย์ปาจิตตีย์ ต้องสละทิ้งเงินนั้นก่อนจึงปลงอาบัติได้ สำหรับผู้ถวายเงิน ก็เป็นผู้ถวายทานด้วยความไม่ฉลาด เพราะเหตุให้พระภิกษุต้องอาบัติ ดังนั้น ถ้าเป็นผู้ที่เคารพยำเกรงในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความจริงใจ จะไม่กระทำอย่างนั้นเลยแม้ว่าจะมีคนบอก ว่าให้ถวายเงิน ก็ต้องไม่ถวาย เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ขณะทำไปด้วยความไม่รู้ จะเป็นกุศลธรรม ไม่ได้ สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป สามารถตั้งต้นใหม่ได้ เมื่อได้เข้าใจอย่างถูกต้องแล้วว่าสิ่งใด ผิด ไม่ถูกต้อง ก็จะต้องไม่กระทำสิ่งนั้น

-ผู้ถวายในสิ่งที่ไม่สมควร นั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเรื่องการให้ทานแบบอสัตบุรุษ คือ ผู้ไม่ฉลาด ผู้ไม่ฉลาดย่อมถวายของที่เป็นอกัปปิยะ คือ ของที่ไม่สมควรแก่บรรพชิต และน่าพิจารณาจริงๆ ว่า การถวายเงิน แก่พระภิกษุ เป็นเหตุให้พระภิกษุอาบัติ และ พระภิกษุนั้น ถ้าไม่ได้สละเงินแล้วปลงอาบัติ ก็ยังมีอาบัติติดตัว ถ้าท่านมรณภาพไป ก็ไปเกิดอบายในชาติหน้า การกระทำของเราก็เท่ากับส่งเสริมให้พระภิกษุท่านต้องไปอบาย ดังนั้น จึงควรศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจจริงๆ เพื่อจะได้กระทำในสิ่งที่ถูกต้อง ตรงตามพระธรรมวินัย เกื้อกูลทั้งตนเองและผู้อื่นด้วย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นบรรพชิต ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
peem
วันที่ 6 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 6 เม.ย. 2558

ถ้าศึกษาพระธรรมวินัยก็จะช่วยให้เราดำรงรักษาศาสนา และ ช่วยไม่ให้ท่านต้องอาบัติด้วย เจตนาให้ทานเป็นกุศล แต่เป็นกุศลที่ไม่ได้ประกอบด้วยปัญญา เพราะให้ด้วยความไม่รู้ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
นิตยา
วันที่ 6 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
tanrat
วันที่ 7 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ผู้มีความประมาท
วันที่ 7 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Dppr
วันที่ 9 เม.ย. 2558

เงินทองและทอง ไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร แก่สมณะเชื้อสายพระศากยบุตร พระสมณะเชื้อสายพระศากยะบุตร มีเงินและทอง อันวางเสียแล้ว ถ้าลองได้ศึกษาพระวินัยแล้วและปฎิบัติตามพุทธบัญญัติ โดยไม่ละเมิดสิกขาบทที่พระองค์บัญญัติแล้ว นั่นเป็นการดี ส่วนตัวเคยเจอเหตุการณ์ที่มีญาติโยม ต้องการถวายเงินให้กับพระภิกษุ และผู้อื่นที่อยู่ในบริเวณนั้น เชิญชวนให้อนุโมทนาบุญได้ถึงแม้จะไม่ได้ถวาย แต่ผมไม่ได้กล่าวอะไร เพียงแต่ลุกออกจากสถานที่นั้นและไม่ร่วมรับรู้ด้วย อาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่เตือน เพราะ ไม่ใช่ฐานะ เวลา โอกาส และบุคคลที่จะรับฟัง รวมถึง พระภิกษุเช่นกัน เนื่องจากคนส่วนใหญ่เข้าใจผิด และมักจะได้ยินอยู่เสมอๆ ว่า ยุคสมัยเปลี่ยนไป เป็นตำตอบยอดฮิตก็ว่าได้

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
pamali
วันที่ 9 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะต

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Jarunee.A
วันที่ 7 ธ.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ