โกสัชชะ

 
papon
วันที่  6 เม.ย. 2558
หมายเลข  26425
อ่าน  1,805

เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน

"โกสัชชะ" หมายความว่าอย่างไรครับ ขอความอนุเคราะห์ด้วยครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 6 เม.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาัสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความเป็นผู้เกียจคร้านในที่นี้ พระผู้มีพระภาคก็ทรงใช้คำว่า โกสัชชะ ซึ่งวิเคราะห์ศัพท์ได้ว่า กุสีตสฺส ภาโว โกสชฺชํ (ความเป็นแห่งบุคคลผู้เกียจคร้าน ชื่อว่า โกสัชชะ) ครับ โกสัชชะ ความเกียจคร้าน มีความหมายดังนี้ ครับ

การปล่อยจิต ความเพิ่มพูนการปล่อยจิตไปในกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต หรือ ในกามคุณ ๕ หรือ ความไม่เคารพ ความทำโดยไม่ติดต่อ ความทำโดยไม่มั่นคง ความประพฤติย่อหย่อน ความทอดทิ้งฉันทะ ความทอดทิ้งธุระ ความไม่เสพให้มาก ความไม่ทำให้เจริญ ความไม่ทำให้มาก ความไม่ตั้งมั่น ความไม่ประกอบเนืองๆ ความประมาทนการเจริญกุศลธรรมทั้งหลาย นี้เรียกว่า โกสัชชะ ความเกียจคร้าน.

ธรรมที่ตรงกันข้ามกับโกสัชชะ คือ วิริยะครับ ตามความเป็นจริงของชีวิต ก็ย่อมเป็นไปกับอกุศลมากกว่ากุศล อันเนื่องมาจากกิเลสที่สะสมมา ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ยังเป็นผู้เกียจคร้าน เกียจคร้านในการเจริญกุศลทุกประการ เกียจคร้านเพราะจิตเป็นไปกับกาย วาจาที่ไม่ดี เมื่อมีความเข้าใจพระธรรมมากขึ้น วิริยะความเพียรที่เกิดกับความเห็นถูก ก็เพียรไปในทางกุศลธรรมมากขึ้น ไม่ได้หมายความว่าอกุศลจะไม่เกิด แต่เมื่อเกิดแล้ว วิริยะ ความเพียรก็เพียรละเว้นอกุศล เพียรเจริญกุศลมากขึ้นอันเกิดจากความเข้าใจพระธรรม จึงไม่มีตัวตนที่จะเกียจคร้าน ไม่มีตัวตนที่จะทำความเพียร เพราะทุกอย่างเป็นธรรมและเป็นอนัตตา ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 6 เม.ย. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เข้าใจธรรมในภาษาของตน โดยอาศัยพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง บุคคลผู้เกียจคร้าน ย่อมไม่พบหนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญา ไม่มีทางที่กุศลธรรมทั้งหลายจะเจริญขึ้นได้เลย ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นเหตุให้อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือ กุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป เหมือนความเป็นผู้เกียจคร้าน ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลเกียจคร้านแล้ว อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น และกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป"

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ธุลีพุทธบาท
วันที่ 6 เม.ย. 2558

ผมเป็นบุคคลหนึ่ง ในบรรดาผู้เกียจคร้านในกุศลธรรมทั้งหลาย

จึงต้องอาศัยปัญญาจากพระธรรม มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งเท่านั้นจริงๆ ครับ.

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาอาจารย์ทั้งสองท่าน ครับ.

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
papon
วันที่ 6 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
tanrat
วันที่ 7 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ms.pimpaka
วันที่ 9 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
wannee.s
วันที่ 10 เม.ย. 2558

ในพระไตรปิฏกมีแสดงไว้

ทางเสื่อมแห่งทรัพย์และกุศลธรรมทั้งหลาย

1. ชอบดื่มสุรา

2. เที่ยวกลางคืน

3. ดูการละเล่น

4. เล่นการพนัน

5. คบคนชั่ว

6. เกียจคร้าน

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Jarunee.A
วันที่ 5 ธ.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ