สับสนกับการเรียนต่อมหาวิทยาลัย
ตอนนี้หนูอายุ 18 ซึ่งกำลังจะเข้ามหาลัย มหาลัยที่อยากเข้าก็สอบไม่ติด เหลือแต่มหาลัยแถวบ้านแต่มหาลัยนี้การเรียนการสอนและสังคมไม่ค่อยดี เพราะจะมีแต่คนที่ไม่ค่อยเรียนมารวมๆ กัน เขาบอกว่าจบไปก็ไม่ค่อยจะรับทำงาน ไม่รู้จะเอายังไงดีค่ะ จะเรียนหรือจะรอสอบปีหน้าดีอยากอยู่ที่ๆ สังคมดีๆ พากันไปเรียนยังงี้มากกว่า กลัวว่าถ้าเรียนในมหาลัยที่ไม่ดีกลัวว่าจะเสียคน กลัวโดนหลอก หลงผิดไปในสิ่งที่ไม่ดี ตอนนี้อาจจะคิดได้อยู่ว่าอะไรผิด ถูก แต่ถ้าได้ไปอยู่ในสังคมแบบนั้นจริงๆ ก็อาจจะเลี่ยงไม่ได้เพราะเจอผู้คนที่ไม่ดี ก็เข้าใจว่าการที่ได้เจอผู้คน เรื่องต่างๆ เป็นเพราะกรรมที่เคยทำมา แต่ยังไงก็ต้องเลือกอยู่ดี เลยสับสนมากค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทุกอย่างเป็นไปตามสภาพธรรมที่จัดสรร ไม่มีใครที่จะรู้อนาคต หรือ รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แม้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่คิดว่าดีแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงได้ ตามเหตุปัจจัย เพราะฉะนั้น คฤหัสถ์ ก็ควรที่จะเรียน ศึกษาเพื่อสำหรับประกอบอาชีพในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยใด หากเป็นวิชาชีพ ก็สามารถที่จะประกอบอาชีพในอนาคตได้ ขึ้นอยู่กับตั้งใจเรียนแสวงหาความรู้ในขณะนั้น ซึ่ง ทุกอย่างไม่พ้นจากกรรมและผลของกรรม แต่ ไม่ลืมที่สุด ศึกษาพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง จะได้วิชชา คือ ปัญญาที่นำทางชีวิต และ เข้าใจชีวิตได้อย่างแท้จริง ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอนน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
แม้ว่าจะไม่ได้เรียนในมหาวิทยาลัย ก็สามารถเรียนรู้วิชาชีพต่างๆ ได้ เพื่อประกอบอาชีพการงานเพื่อประคับประคองชีวิตให้เป็นไปอย่างไม่เดือดร้อน พร้อมกับไม่ประมาทในการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา เพราะชีวิตเล็กน้อยสั้นมาก ที่พึ่งจริงๆ คือ ความเข้าใจพระธรรมและความดีทั้งหลายที่ได้สะสมไว้ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ปัจจุบันทำดีและศึกษาพระธรรมดีที่สุด เพราะข้างหน้าเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิด มือที่มองไม่เห็น คือกรรมที่เราทำไว้ทั้งดีและไม่ดี และ การเรียนในมหาวิทยาลัยไหนก็ได้ ขอให้เป็นคนดีมีมีคุณธรรมมีความเข้าใจธรรมและมีโอกาสเจริญกุศลทุกประการประเสริฐที่สุดแล้วในชาตินี้ ค่ะ
เมื่อกรรมจะให้ผล ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เรียนมหาวิทยาลัยใด ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แม้อยู่ในมหาวิทยาลัยที่เข้าใจว่าดีกว่า ก็อาจประสบกับผลของกรรมที่ไม่ต้องการได้ และหากผลของกรรมดีที่ทำไว้ให้ผล แม้จะอยู่ในมหาวิทยาลัยที่คิดว่าไม่ค่อยดี ก็จะได้รับผลของกรรมที่ทำไว้ดีแล้วอยู่นั่นเอง ดังนั้น เมื่อต้องไปอยู่ในสังคมแบบนั้นจริงๆ และคิดว่าอาจจะเลี่ยงไม่ได้เพราะเจอผู้คนที่ไม่ดี จะทำอย่างไร...
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
"ธรรมทั้งหลาย อันชนพวกใดไม่ลืมเลือนแล้ว
ชนพวกนั้นย่อมไม่ถูกจูงไปในวาทะของชนพวกอื่น
บุคคลผู้รู้ดีทั้งหลาย รู้ทั่วถึงโดยชอบแล้ว
ย่อมประพฤติเสมอในหมู่สัตว์ผู้ประพฤติไม่เสมอ."
[สุสัมมุฏฐสูตร พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 60]
ขออนุโมทนาครับ
ธรรมะเป็นเรื่องในชีวิตประจำวันจริงๆ การเกิดมาเป็นมนุษย์นั้นก็ยาก เกิดแล้วก็ต้องเป็นไป ถ้าเข้าใจธรรมะจริงๆ ก็จะรู้ว่าไม่มีเรา มีแต่จิต รูป เจตสิก และนิพพาน พระผู้มีพระภาคจะทรงแสดงธรรมให้ผู้ฟังประจักษ์แจ้งตามก็ไม่ได้ แต่ทรงชี้แนะให้ผู้ฟัง ฟัง แล้วพิจารณา ไตร่ตรองตาม แล้วก็เลือกที่จะประพฤติปฏิบัติตาม ตามกำลังของปัญญาแห่งตน นี่แหละยากจริงๆ
ความเป็นผู้มีศิลปวิทยา มีความรู้ความสามารถในวิชาการทั้งหลาย
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า "เป็นมงคลอันอุดม" เพราะนำมาซึ่งความเจริญ
หากศิลปวิทยา วิชาการนั้นๆ เป็นไปเพื่อการเลี้ยงชีพ ดำรงชีวิตให้อยู่อย่างผาสุข
โดยมีจุดประสงค์ที่จะมีชีวิตเพื่อการอบรมเจริญปัญญาและคุณความดี ครับ.
จึงควรตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่เป็นความรู้ความสามารถให้ดีที่สุด
ในช่วงชีวิตที่อยู่ในมหาวิทยาลัย
ที่สำคัญ คือ ทำดีและศึกษาพระธรรม ควบคู่กันไป
เพราะไม่ว่าจะเรียนมหาวิทยาลัยหรือไม่ก็ตาม ทุกๆ ขณะก็ คือ ธรรมที่มีจริงๆ
แต่ผู้มีปัญญาย่อมทำในสิ่งที่ควรทำให้ดีที่สุด เพื่อประโยชน์ ครับ.
ขอแนะนำให้ลองฟัง ลองศึกษาพระธรรม ชุด "วินัยคฤหัสถ์" ในเว็ปไซต์นี้
โดยเข้าไปที่เมนู ซีดี > MP3_รวมชุดต่างๆ > วินัยคฤหัสถ์-สมถภาวนา
เป็นความรู้ความเข้าใจในพระธรรมที่ควรประพฤติที่ควรเก็บสะสมไว้
ความเข้าใจดังกล่าวจะเป็นคำตอบว่าควรเรียนหรือไม่ เมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร เพราะอะไร
แล้วเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อไป คือ สภาพธรรมที่เคยสะสมมาตามความเป็นจริง
ไม่ว่าจะพบใคร ประสบสิ่งใด และมีอุปนิสัยโน้มเอียงไปอย่างไรในอนาคต
ไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาได้ เพราะเป็นไปตามเหตุ ตามปัจจัยที่ได้สะสมมา
ปัญญา ที่มาจากการศึกษาพระธรรมแล้วเท่านั้น ที่จะเป็นที่พึ่ง
นำทางชีวิตไปสู่สิ่งที่ดีงาม ประเสริฐสุด ด้วยความเห็นถูก ความเข้าใจถูก ครับ.
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาอาจารย์ทั้งสองท่าน ครับ.
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ ไม่ว่าจะเลือกเรียนที่ไหน ควรเลือกเรียนในสิ่งที่ตนชอบและถนัดค่ะ และที่ที่ตนเรียน ควรสอนในสิ่งที่เราเลือกได้ดี การเลือกเรียนนี้ไม่ใช่เรียนแค่ 4 ปี แต่จะอยู่กับเราไปตลอด เพราะคืออาชีพที่เราเลือก การเปลี่ยนอาชีพนั้นไม่ง่าย ถ้าเลือกในสิ่งที่ชอบ ประกอบอาชีพในสิ่งที่ชอบ จะต้องใช้ความพยายามน้อยกว่าการทำในสิ่งที่ไม่ชอบ และที่สำคัญจะมีเวลามากกว่า ในการฟังธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาค่ะ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตนี้ที่ได้อัตภาพเป็นมนุษย์ค่ะ