ระลึกถึงคำท่านอ.สุจินต์ และ คณะอ.วิทยากร ที่ มศพ. อา. 31 พค. 58 เช้า
ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
@ ธรรมะสบายๆ = คือ ปกติ = ปัญญาที่เข้าใจธรรมะจึงไม่หวั่นไหว จึง สบายๆ
@ เจ็บไข้ได้ป่วยเกิดแล้วเพราะเหตุปัจจัย เป็นธรรมดา (จึงไม่เดือดร้อนเพราะเข้าใจ จึง สบายๆ )
@ กิเลสดับได้จริงๆ เพราะรู้ ว่าไม่มีเรา
@ ธรรมะเป็นธรรมะ ไม่ใช่ใคร
@ ความเพียรที่จะฟังธรรม เป็นวิริยะบารมี ตอนไหน? ตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลยไม่ต้องไปหาที่ไหน
@ ความเข้าใจ ละมิจฉาวายามะ
@มิจฉัตตะ = คือ ความเป็นผิด เพราะมีเรา (มิจฉามรรค มิจฉาญาณ มิจฉาวิมุติ ถึงขนาดประกาศว่าตนเป็นพระอรหันต์)
@ สัมมัตตะ = คือ ความเป็นถูก คนที่เข้าใจถูกตามความเป็นจริง
@ ไม่ว่าอะไรก็ตามถ้าปัญญารู้ไม่ได้ ดับกิเลสไม่ได้
@ เป็นผู้มีปกติรู้ลักษณะสภาพธรรมตามความเป็นจริงทีละหนึ่ง
@ ความรอบรู้ในพระพุทธพจน์ (ปริยัติ) ที่มั่นคง จึงถึงความเป็น สัจจญาณ
@ธรรมะทั้งปวง เป็น อนัตตา แต่ไม่รู้ เพราะถูกปกปิดด้วย โมหะ
@ จนกว่า โมหะค่อยๆ ลดลงเพราะ ปัญญา เพิ่มขึ้น เป็นปกติ
@ พระธรรม 45 พรรษาเพื่อ อนุเคราะห์ไม่ให้เห็นผิด
@ทรงแสดงพระธรรมให้เข้าใจ
@ เข้าใจทุกคำที่ทรงแสดง
@ ลึกซึ้งอย่างยิ่งถ้ารู้อย่างนี้แล้ว จะไปทำอย่างอื่นไหม
@ สบายๆ ....แล้วก็ฟังธรรม (ไม่ใช่ สบายๆ แล้วไม่ทำอะไร)
@ กิเลสจะลดโดยการทำ หรือว่า เพราะเข้าใจขึ้น
@ ความละเอียดของธรรมะไม่ได้ให้ไปไหน
@ แม้พยายามเพียงเล็กน้อย แม้จงใจเพียงเล็กน้อย แม้ผิดปกติเพียงเล็กน้อย ก็เป็น สีลพตปรามาสกายคันถะ
@ ไม่ว่าอะไรทั้งสิ้นที่จะหมดความเป็นเราเพราะปัญญารู้ว่าเป็นธรรมะไม่ใช่เรา
@ แม้มีความคิดแปลกๆ คิดได้ค่ะบางคนคิดแปลกๆ ปัญญาก็รู้ว่า เป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา
@ เดือดร้อนเมื่อไหร่ ตัวตน เมื่อนั้น
@ ถ้าเป็น ปัญญา ไม่เดือดร้อน
@ ความเห็นผิดเป็นปกติ ปัญญารู้ว่านั่นคือความเห็นผิด จึงละ
@ ปัญญา ต้องละเอียดขึ้นๆ ๆ
@ ไม่สบาย คือ เดือดร้อน ธรรมะสบายๆ ไม่เดือดร้อนเพราะปัญญา
สาธุกราบอนุโมทนาท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่งและกราบขอบพระคุณคณะอ.วิทยากรค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาคุณหมอที่ฟังได้ละเอียดยิ่งและนำมาเขียนให้อ่านค่ะ