ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้...ที่ มศพ. เสาร์-อาทิตย์ที่ 6-7 มิถุนายน 2558
ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
# พอแล้วหรือยัง ที่เป็นเรา จะสละความเป็นเรา ได้หรือยัง
# ใครก็ตามที่สะสมกุศลมา จึงละชั่ว ไม่ใช่เราละ แต่เป็น หิริ โอตัปปะ ซึ่งเป็นธรรมะแต่ละหนึ่ง
# อุปธิ คือ เดี๋ยวนี้เอง แวดล้อมทุกวัน (กิเลสความติดข้อง)
# เขาสิเนรุ ใหญ่แค่ไหนยังไม่เท่ากิเลสที่สะสมมา
# ถ้าไม่มีบารมี ก็ไม่สามารถจะบรรลุอริยสัจจธรรมได้
# จนกว่าจะรู้ความต่างของ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
# ยังรู้ไม่ได้ ก็ฟังไปก่อน
# ตั้งแต่เช้ามา คิดที่จะละอุปธิบ้างไม๊ คิดที่จะออกจากอุปธิบ้างไม๊
# ฆราวาส เป็นเพศที่คับแคบๆ คือ แน่นไปด้วยอกุศล ตั้งแต่ตื่น จน หลับ
# ธรรมตา = ความเป็นไปของธรรมะ ไม่ใช่เรา
# บรรพชิต คือ คนที่สละสมบัติทั้งหมด (เงิน,ทอง,บัตรเครดิต,ที่ดิน,รถยนต์)
# ทุกเรื่อง...ถ้าไม่คิดไม่มี... (ไม่ว่าจะเป็น เรื่องใหญ่ เรื่องเล็ก เรื่องสนุก เรื่องทุกข์)
# ขณะเข้าใจ ไม่มีเราเลย เตือนแล้วนะคะว่า เป็น จิต เจตสิก รูป ^ ^
# ถ้าเข้าใจ ขณะนั้นจะค่อยๆ ละความติดข้อง...ว่าเป็น คน
# ทุกอย่างที่เกิด เป็นสภาพที่ทรงไว้ซึ่งทุกข์
# เกิดมาเพื่ออะไร?
# ทั้งหมดเป็นธรรมะที่มีอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้เรียกชื่อ
# เข้าใจก่อน แล้วคำ ตามมาทีหลังได้
# เครียดก็เป็นอกุศล เป็นธรรมะไม่ใช่เรา
# ปัญญา เห็นโทษของอกุศล
# กุศล อกุศล สะสมมาเนิ่นนานมาแล้ว แต่ไม่รู้ ไม่เข้าใจ
# ขณะเข้าใจ.. มีโยนิโสมนสิการ แล้ว ตอนไม่เข้าใจ ก็เป็น อโยนิโสมนสิการ
# สัมมาทิฏฐิ เกิดจาก ปัจจัย 2 ประการ คือ
1.ปัจจัยภายนอก คือ ปรโตโฆสะ หมายถึง การฟังจากผู้อื่น จากกัลยาณมิตร
2. ปัจจัยภายใน คือ โยนิโสมนสิการ
# มิจฉาทิฏฐิ เกิดจาก ปัจจัย 2 ประการ เช่นกัน คือ
1 ปรโตโฆสะ หมายถึง ฟังอสัทธรรม
2. อโยนิโสมนสิการ
#นุ่งห่ม สีขาว ไม่ใช่ ศีล
# พระธรรมวินัย มีเพียง ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ... อุบาสกอุบาสิกา คือ คฤหัสถ์ ไม่ใช่นักบวช
# คำว่า นุ่งห่มขาว ในพระไตรปิฎก เป็นเครื่องหมายของคฤหัสถ์ที่ใช้แสดงความต่างจากบรรพชิต ไม่ได้หมายเฉพาะสีขาวสีเดียว
# เจ้าลิจฉวีไปพระธรรม ก็นุ่งห่มหลากสีสวยงาม
# สิ่งใดก็ตามที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล...เป็นสิ่งไม่มีสาระ
# กำลังแต่งขาว....แล้วจิตเป็นอะไร..เริ่มตั้งแต่คิด และ ทำ ...เป็น อกุศล ไม่ใช่ ปัญญา
# ถ้าคฤหัสถ์ คือ คนนุ่งขาว...แล้วคนที่ไม่ได้นุ่งผ้าขาว เป็นใคร?
# อุบาสก อุบาสิกา ต้องเป็นผู้ไม่นิ่งเฉย ในการรักษาพระธรรมวินัย
# การอยู่เฉยๆ ไม่พูด เงียบ ไม่ทำอะไร เห็นแก่ตัวหรือเปล่า หรือ เห็นแก่พระศาสนา
# โพนทะนา เพื่อให้สำนึก
# โพนทะนา เป็นความหวังดี ไม่ได้หวังร้าย
# พุทธบริษัท มีความเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า เหมือนญาติพี่น้องที่ต้องเกี่ยวข้องกัน
# การนิ่งเฉย เป็นการละเลย ต่อการสำนึกในพระคุณของพระศาสดาหรือเปล่า?
# สักกายทิฎฐิ คือ ความเห็นผิดว่าขันธ์ ห้านี้เป็นเรา เป็นของเรา
# อัตตานุทิฏฐิ คือ ความเห็นผิดว่าขันธ์ห้าโน้นเป็นคนจริงๆ รูปขันธ์โน้นเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เช่น เป็นปากกาจริงๆ
# พระอรหันต์ เห็นคนไม๊?...เห็น...มีความเห็นผิดไม๊...ไม่มี
# อดทนที่จะเข้าใจสภาพธรรมะ ที่กำลังปรากฏ หมายความว่าอย่างไร?....หมายความว่า...ฟัง ต่อ ไป ...
# ถึงจะร้อนอย่างไร ก็ฟังธรรมต่อไปอีก แล้วค่อยๆ เข้าใจขึ้น
กราบแทบเท้าขอบพระคุณและอนุโมทนาท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนา ท่านอ.ดวงเดือน บารมีธรรม ผู้บริจาคที่ดินเพื่อมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
กราบขอบพระคุณคณะอาจารย์วิทยากรทุกท่าน
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านด้วยค่ะ