ธรรมที่ควรกำหนดรู้
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ความกำหนดรู้เป็นไฉน คือ ความสิ้นไปแห่ง
จากพระสูตรนี้แสดงให้เห็นว่า การเจริญสติปัฏฐานนั้นเป็นลักษณะที่เป็น
สิ่งที่ยากแสนยากที่จะรู้ก็คือ ความจริงในขณะนี้คืออะไร
ยากแสนยากที่จะรู้ความจริง ของการเห็น ของการได้ยิน แต่ละขณะ
ถ้าเรามีโอกาสที่จะอบรมเจริญความรู้จริง เราใช้คำว่าจริง เพราะว่า
เราไม่ต้องการสิ่งที่หลอกลวงหรือชั่วคราว เพราะไม่มีประโยชน์ค่ะ
ขออนุญาต ตอบตามสบายนะครับ
อนุโมทนาด้วยครับที่ทำให้เข้าใจมากขึ้น จากพระสูตรที่ยกมา และการแสดงความ
คิดเห็นของคุณ อวิชชา ซึ่งในเรื่องของคำที่ว่า กำหนดรู้ ต้องพิจาณาให้ละเอียด
1. กำหนดรู้อะไร = สภาพธัมมะที่มีในขณะนี้
2. อะไรกำหนดรู้ = สติ และ ปัญญา
3. ปัญญา ระดับไหนที่กำหนดรู้ ตรงนี้แหละที่จะเข้าใจหนทางพลาดไป กำหนดรู้
หรือที่ใช้คำว่า ปริญญา ต้องเขาใจเสียก่อนว่า ไม่มีตัวตนที่จะทำการกำหนดรู้ เป็น
ธัมมะที่กำหนดรู้ (สติ ปัญญา) ดังนั้น จึงไม่มีตัวตนที่จะทำปริญญา และ กำหนดรู้
(ปริญญา) เราเข้าใจว่าเป็นปัญญาระดับไหนหละ อย่างที่พระสูตรยกมา เป็นปัญญา
ขั้น สติปัฏฐานหรือเปล่า ตอบว่าไม่ใช่ เป็นปัญญาระดับที่แทงตลอดสภาพธัมมะนะ
(วิปัสสนาญาณ) ตรงนี้ต้องเข้าใจ ไม่เช่นนั้นก็จะเข้าใจเรื่อง กำหนดรู้ว่าเป็นการคิด
เรื่องราวของสภาพธัมมะบ้าง เป็นแค่ปัญญาระดับสติฏฐานบ้าง แต่ไม่ใช่ครับ
กำหนดรู้ เป็นปัญญาขั้น วิปัสสนาญาณครับ
ที่สำคัญที่สุด สิ่งที่ควรกำหนดรู้ นั้นเป็นลักษณะของปรมัตถธรรม ดังนั้น จึงไม่
ใช่การคิดนึกถึงสภาพธัมมะ เพราะขณะที่คิดนึก ขณะนั้นก็ล่วงเลยการรู้ลักษณะธัมมะ
นั้นแล้วครับขอยกข้อความที่อธิบาย เรื่องการกำหนดรู้ (ปริญญา) ว่าเป็นปัญญาระดับ
วิปัสสนาญาณครับ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค เล่ม ๗ ภาค ๑ - หน้าที่ 90
อรรถกถาญาตัฏฐญาณุทเทส
บัดนี้ ปริญญา ๓ คือ การกำหนดรู้นามรูปโดยประเภทนั้นแล
เป็นญาตปริญญา, ต่อจากนั้นก็เป็นตีรณปริญญา, ในลำดับต่อไปก็เป็น
ปหานปริญญา, และภาวนาการเจริญและสัจฉิกิริยาการทำให้แจ้ง ก็
ย่อมมีเพราะเนื่องด้วยปริญญา ๓ นั้น,
ก็ปริญญา ๓ คือ ญาตปริญญา, ตีรณปริญญาและปหานปริญญา.
ในปริญญาทั้ง ๓ นั้น ดังนี้
ปัญญาอันเป็นไปในการกำหนดลักษณะโดยเฉพาะๆ แห่งสภาว-
ธรรมเหล่านั้นๆ อย่างนี้ว่า รูปมีการแตกดับไปเป็นลักษณะ, เวทนามี
การเสวยอารมณ์เป็นลักษณะ ชื่อว่า ญาตปริญญา.
วิปัสสนาปัญญาอันมีลักษณะเป็นอารมณ์ ยกสามัญลักษณะ
แห่งสภาวธรรมเหล่านั้นๆ ขึ้นเป็นไปโดยนัยเป็นต้นว่า รูป อนิจฺจ
ทุกฺข อนตฺตา รูปไม่เที่ยงเป็นทุกข์ เป็นอนัตตา, เวทนา อนิจฺจา
ทุกฺขา อนตฺตา เวทนาไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาดังนี้ ชื่อว่า
ตีรณปริญญา.
ก็วิปัสสนาอันมีลักษณะเป็นอารมณ์ เป็นไปด้วยสามารถแห่ง
การละวิปลาสทั้งหลาย มีนิจสัญญาวิปลาสเป็นต้น ในธรรมทั้งหลายเหล่านั้นเสียได้นั่นแล ชื่อว่า ปหานปริญญา.