วินีตวัตถุ ในปฐมปาราชิกกัณฑ์ อุทานคาถา [พระวินัยปิฎก]
[เล่มที่ 1] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค เล่ม ๑ ภาค ๑ หน้าที่ ๖๖๑
วินีตวัตถุ ในปฐมปาราชิกกัณฑ์ อุทานคาถา
[๔๘] เรื่องลิงตัวเมีย ๑ เรื่อง
เรื่องภิกษุวัชชีบุตร ๑ เรื่อง
เรื่องปลอมเป็นคฤหัสถ์ ๑ เรื่อง
เรื่องเปลือยกาย ๑ เรื่อง
เรื่องปลอมเป็นเดียรถีย์ ๗ เรื่อง
เรื่องเด็กหญิง ๑ เรื่อง
เรื่องภิกษุณีชื่ออุปปลวัณณา ๑ เรื่อง
เรื่องเพศกลับ ๒ เรื่อง
เรื่องมารดา ๑ เรื่อง
เรื่องธิดา ๑ เรื่อง
เรื่องพี่น้องหญิง ๑ เรื่อง
เรื่องภรรยา ๑ เรื่อง
เรื่องภิกษุมีหลังอ่อน ๑ เรื่อง
เรื่องภิกษุมีองค์กำเนิดยาว ๑ เรื่อง
เรื่องแผล ๒ เรื่อง
เรื่องรูปปั้น ๑ เรื่อง
เรื่องตุ๊กตาไม้ ๑ เรื่อง
เรื่องภิกษุชื่อสุนทระ ๑ เรื่อง
เรื่องสตรี ๔ เรื่อง
เรื่องป่าช้า ๕ เรื่อง
เรื่องกระดูก ๑ เรื่อง
เรื่องนาคตัวเมีย ๑ เรื่อง
เรื่องนางยักษิณี ๑ เรื่อง
เรื่องหญิงเปรต ๑ เรื่อง
เรื่องบัณเฑาะก์ ๑ เรื่อง
เรื่องภิกษุมีอินทรีย์พิการ ๑ เรื่อง
เรื่องจับต้อง ๑ เรื่อง
พระอรหันต์เมืองภัททิยะหลับ ๑ เรื่อง
เรื่องภิกษุเมืองสาวัตถี ๔ เรื่อง
เรื่องภิกษุชาวมัลละเมืองเวสาลี ๓ เรื่อง
เรื่องเปิดประตูนอน ๑ เรื่อง
เรื่องภิกษุชาวเมืองภารุกัจฉะฝัน ๑ เรื่อง
เรื่องอุบาสิกาชื่อสุปัพพา ๙ เรื่อง
เรื่องอุบาสิกาชื่อสัทธา ๙ เรื่อง
เรื่องภิกษุณี ๑ เรื่อง
เรื่องสิกขมานา ๑ เรื่อง
เรื่องสามเณรี ๑ เรื่อง
เรื่องหญิงแพศยา ๑ เรื่อง
เรื่องบัณเฑาะก์ ๑ เรื่อง
เรื่องสตรีคฤหัสถ์ ๑ เรื่อง
เรื่องให้ผลัดกัน ๑ เรื่อง
เรื่องภิกษุผู้เฒ่า ๑ เรื่อง
เรื่องลูกเนื้อ ๑ เรื่อง
เรื่องลิงตัวเมีย
[๔๙] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งเสพเมถุนธรรมในลิงตัวเมีย แล้วมีความรังเกียจว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทไว้แล้ว เราต้องอาบัติปาราชิกแล้วกระมังหนอ
จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เธอต้องอาบัติปาราชิกแล้ว
เรื่องภิกษุวัชชีบุตร
[๕๐] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุวัชชีบุตรชาวเมืองเวสาลีหลายรูปด้วยกัน ไม่บอกคืนสิกขา ไม่ทำความเป็นผู้ทุรพลให้แจ้งแล้วเสพเมถุนธรรม พวกเธอได้มีความรังเกียจว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทไว้แล้ว พวกเราต้องอาบัติปาราชิกแล้ว กระมังหนอ
จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าๆ ตรัสว่าดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอต้องอาบัติปาราชิกแล้ว
เรื่องปลอมเป็นคฤหัสถ์
[๕๑] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งคิดว่าเราจักไม่ต้องอาบัติด้วยวิธีอย่างนี้ แล้วปลอมเป็นคฤหัสถ์เสพเมถุนธรรม เธอได้มีความรังเกียจว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทไว้แล้ว เราต้องอาบัติปาราชิกแล้ว กระมังหนอ
จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุเธอต้องอาบัติปาราชิกแล้ว
เรื่องเปลือยกาย
[๕๒] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งคิดว่า เราจักไม่ต้องอาบัติด้วยวิธีอย่างนี้ แล้วเปลือยกายเสพเมถุนธรรม เธอได้มีความรังเกียจว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทไว้แล้ว เราต้องอาบัติปาราชิกแล้วกระมังหนอ
จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เธอต้องอาบัติปาราชิกแล้ว
เรื่องปลอมเป็นเดียรถีย์ ๗ เรื่อง
[๕๓] ๑. ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งคิดว่า เราจักไม่ต้องอาบัติ ด้วยวิธีอย่างนี้ แล้วนุ่งคากรองเสพเมถุนธรรม เธอได้มีความรังเกียจว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทไว้แล้ว เราต้องอาบัติปาราชิกแล้ว กระมังหนอ
จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เธอต้องอาบัติปาราชิกแล้ว
๒. ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งคิดว่า เราจักไม่ต้องอาบัติด้วยวิธีอย่างนี้ แล้วนุ่งเปลือกไม้กรองเสพเมถุนธรรม เธอได้มีความรังเกียจว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทไว้แล้ว เราต้องอาบัติปาราชิกแล้วกระมังหนอ
จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุเธอต้องอาบัติปาราชิกแล้ว
๓. ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งคิดว่า เราจักไม่ต้องอาบัติด้วยวิธีอย่างนี้ แล้วนุ่งผลไม้กรองเสพเมถุนธรรม เธอได้มีความรังเกียจว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทไว้แล้ว เราต้องอาบัติปาราชิกแล้วกระมังหนอ
จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าๆ ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ เธอต้องอาบัติปาราชิกแล้ว
... ฯลฯ...