ถ้าได้รับวิบากไม่ดี จะเปลี่ยนเป็นกุศลได้อย่างไร
เมื่อเราได้เห็น รู้เสียงที่ไม่ดีเป็นต้น ทำอย่าง จะให้เกิดชวนะอันเป็นกุศลสืบๆ ไป หรือให้ชวนกุศลเกิดบ่อยๆ
ขอบคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สำหรับวิบาก ก็ได้แก่ ขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย ตลอดจนถึงขณะที่หลับสนิท กล่าวว่าเป็นวิบาก ซึ่งก็คือ จิต และเจตสิกธรรมเกิดขึ้น เป็นการรับผลของกรรมที่ได้กระทำแล้วนั่นเอง วิบากทั้งหมด ต้องมาจากเหตุ คือ กรรมที่กระทำแล้ว ทั้งหมด
เพราะฉะนั้น เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมก็ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยง ไม่ให้เกิดวิบาก ทั้งดีหรือไม่ดี เพราะเมื่อได้สร้างเหตุ ที่เป็นอกุศลกรรมมาแล้ว ก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนวิบากที่จะให้ผลเป็นดีได้เลย เพราะธรรมเป็นไปตามเหตุปัจจัย ส่วนการเกิดขึ้นของกุศลหลังจากการเกิด วิบาก คือ เห็น ได้ยิน แล้ว ก็ตามการสะสม เป็นไปของแต่ละท่าน แต่ละคน สำคัญ คือ ค่อยๆ เข้าใจถูกในสิ่งที่เกิดแล้ว เพราะไม่สามารถยับยั้งในสิ่งที่จะเกิดไม่ให้เกิด ไม่ได้เลย เพราะธรรมอนัตตา
ค่อยๆ เริ่มเห็นถูกว่าวิบากที่ดี ไม่ดี กุศล อกุศล ล้วนแล้วแต่เป็นธรรม ไม่ใช่เรา เป็นไปตามเหตุปัจจัย หนทางที่ถูกคือ ไม่เปลี่ยนสภาพธรรม แม้พระพุทธเจ้าก็เปลี่ยนไม่ได้ แต่พระพุทธองค์ทรงเข้าใจถูก และทราบหนทางการดับกิเลส คือ เข้าใจถูกในความเป็นจริงเช่นนั้น เพื่อไถ่ถอนความไม่รู้ที่ยึดถือว่าเป็นเรารับวิบากดี ไม่ดี เป็นเราที่เป็นกุศล อกุศล เพราะการเข้าใจถูกว่า มีแต่ธรรม ไม่ใช่เรา เป็นการเจริญอริยมรรค อันเป็นหนทางการดับกิเลสได้ในที่สุด เมื่อไม่เกิด ก็ไม่ทุกข์ ไม่ต้องได้รับวิบากดี ไม่ดี ไม่มีการเกิดทุกข์กาย ทุกข์ใจอีกเลย ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขณะที่เป็นวิบาก นั้น ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่อกุศล แต่หลังจากนั้นแล้ว จะเป็นกุศล หรืออกุศล ก็ตามการสะสมของแต่ละบุคคล ส่วนใหญ่แล้ว ปกติของผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ เมื่อได้รับสิ่งที่น่าปรารถนาน่าใคร่น่าพอใจ ก็จะเพลิดเพลินไปด้วยความติดข้องต้องการและถ้าหากว่าได้รับสิ่งที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่าใคร่ไม่น่าพอใจ ก็จะเป็นไปกับความขุ่นเคืองใจ ไม่พอใจ
ตามความเป็นจริงแล้ว เมื่อได้รับวิบากที่ไม่ได้ ก็ไม่ใช่ตัวตนที่จะไปบังคับไม่ให้เป็นอกุศล หรือให้เป็นกุศล เพราะบังคับบัญชาไม่ได้ ขณะที่อยากหรือต้องการให้เป็นอย่างนั้น ก็ผิดทางแล้ว เพราะเป็นอกุศล แต่ถ้าได้อาศัยพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย จากที่เคยเป็นอกุศล กำลังของคุณความดีและความเข้าใจที่ได้สะสมมาก็จะเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ เข้าใจความจริง เป็นกุศล ไม่หวั่นไหวไปกับอกุศลในขณะนั้นได้ ไม่ว่าจะประสบกับอารมณ์ใดๆ ก็ตาม เพราะฉะนั้น จึงสำคัญที่ความเข้าใจถูกเห็นถูก ซึ่งต้องเริ่มต้นที่การฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจจริงๆ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ....
ขอร่วมสนทนาธรรมด้วยค่ะ...
พระผู้มีพระภาคฯ ตรัส..กุศลจะเกิดขึ้นได้ด้วยเหตุ4ประการคือ
1.ด้วยการกำหนด หมายถึง การตั้งใจไว้ก่อน
2.ด้วยการเปลี่ยน อกุศลเป็นกุศล..เมื่อรู้ว่าอกุศลกำลังเกิดขึ้น อกุศลให้ผลเป็นทุกข์โดยส่วนเดียว
3.โดยการเสพคุ้น หมายถึง เป็นผู้ที่ทำกุศลบ่อยๆ จนชิน ความชินจะเป็นอุปนิสสยปัจจัยให้กุศลเกิดอีก
4.โดยการผูกใจไว้ (โยนิโสมนสิการ) คือ การใส่ใจพิจารณาโดยแยบคาย
สาธุขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ
บอกมาเถอะ ขอวิธีทำอะไรก็ได้ แต่พอบอกให้ศึกษาพระธรรม ค่อยๆ พิจารณาสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏ ก็ไม่ยอมทำตาม
ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"กำลังของคุณความดีและความเข้าใจที่ได้สะสมมาก็จะเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ เข้าใจความจริง เป็นกุศล ไม่หวั่นไหวไปกับอกุศลในขณะนั้นได้ ไม่ว่าจะประสบกับอารมณ์ใดๆ ก็ตาม เพราะฉะนั้น จึงสำคัญที่ความเข้าใจถูกเห็นถูก ซึ่งต้องเริ่มต้นที่การฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจจริง "...
ขอบพระคุณและอนุโมทนาครับอาจารย์คำปั่น
ขออนุโมทนา
